TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 30
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 30
แผนการเล่น : 4-4-2
ประตู : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
รักษามาตรฐานการป้องกันประตูได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเคย "แชมป์" ในวัย 34 ปียังแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาที่รวดเร็ว และการอ่านจังหวะออกมาตัดบอลได้อย่างเฉียบขาด โดยเฉพาะจังหวะสำคัญในการเซฟลูกจุดโทษของ เฮแบร์ตี้ ทำให้ เมืองทอง กลับมาสู่เกมไม่ได้ ก่อนที่ทีมจะได้ประตูย้ำชัยชนะอย่างขาดลอยในตอนท้ายสุด
กองหลัง : กรกช วิริยะอุดมศิริ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
ในเกมรับฝั่งซ้าย "มิ้ง" ไม่ปล่อยโอกาสให้ ทริสต็อง โด เปิดผ่านเขาไปง่ายๆ ได้เลย อีกทั้งยังเติมเกมรุกได้สวยๆ ตลอด จังหวะขึ้นนำ 1-0 ก็เติมเข้ามาถึงกรอบเขตโทษและยิงประตูอย่างเฉียบขาด รวมถึงท้ายเกมที่แอสซิสต์ด้วยการครอสอย่างแม่นยำให้ ยู จุนซู โขกโล่งๆ เป็นประตูปิดกล่องเหนือ "กิเลนผยอง" คารัง
กองหลัง : วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (สิงห์เชียงรายฯ)
มีส่วนอย่างมากที่ช่วยให้ทีม "กว่างโซ้ง" ไม่เสียประตูในการไปเยือน ลีโอ สเตเดี้ยม ที่เจอพายุฝนเล่นงานอย่างหนัก เจ้าถิ่น "กระต่ายแก้ว" สภาพสนามแบบนี้ไม่ง่ายเลยที่แนวรับจะป้องกันได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด แต่ไม่ใช่สำหรับ วิคเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นภาคพื้นดินที่ลูกติดแอ่งน้ำเป็นว่าเล่น หรือจะบอมบ์โด่งเข้าใส่ก็ผ่าน แข้งแซมบ้าก็รับมือได้หมดจนช่วยพาทีมบุกแชร์แต้มออกมาได้สำเร็จ
กองหลัง : ชิติพัทธ์ แทนกลาง (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
นักเตะที่ถูกก่นด่าดูถูกสารพัดมาโดยตลอดว่าเป็นเด็กเส้นถึงได้ลงสนาม แต่ "แบงค์" ไม่เคยตอบโต้ด้วยวิธีการอื่นนอกจากการพิสูจน์ตัวเองในสนาม และในช่วงหลายเกมที่ผ่านมาที่ได้โอกาสออกสตาร์ทตัวจริง เขาแสดงให้เห็นแล้วว่ามีคุณภาพเพียงพอที่จะเป็นตัวจริงให้ว่าที่แชมป์อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเกมกับ เมืองทอง ก็เป็นอีกนัดที่ "แบงค์" โดดเด่นมากๆ ทั้งการอ่านเกม, ประกบตัวและชิงจังหวะเข้าตัดบอลจากกองหน้าคู่แข่ง โดยเฉพาะจังหวะสไลด์ป้องกันลูกซ้ำจุดโทษที่ออกตัวได้เร็วก่อนใคร โชว์ฟอร์มหรูต่อหน้าทีมงานของ มิโลวาน ราเยวัช ที่เข้ามาชมเกม ไม่แน่สิ้นปีนี้อาจจะได้เห็นเขาอีกครั้งในซูซูกิ คัพด้วย
กองหลัง : นิติพงษ์ เสลานนท์ (การท่าเรือ เอฟซี)
"นนท์" เล่นได้ดีตลอดทั้งเกมทั้งรุกและรับทางกราบขวา วิ่งขึ้นลงแบบไม่มีหมดพลัง ก่อนช่วยให้ "สิงห์เจ้าท่า" ปลดล็อคคว้าชัยนัดแรกในรอบ 6 เกมรวมทุกรายการแบบคลีนชีท พร้อมกับสร้างสถิติเก็บแต้มสูงสุดในไทยลีก 52 คะแนนอีกด้วย
กองกลาง : สรรวัชญ์ เดชมิตร (ทรู แบงค็อกฯ)
มีใครบางคนตั้งฉายาว่าเขาว่า "เทพแคมป์" และนัดนี้ก็โชว์ฟอร์มเทพสมราคาจริงๆ ด้วยผลงานสุดโหดทั้งสไตล์การเล่นที่แสนคลาสสิก อีกทั้งยังทำประตูสุดเหนือชั้นด้วยการหลอกยิง เรียกได้ว่าหลอกอย่างสมบูรณ์แบบทั้งผู้ัรักษาประตูคู่แข่งและกล้องถ่ายทอดสดได้เลยทีเดียว
กองกลาง : ศิวกร จักขุประสาท (การท่าเรือ เอฟซี)
เคยถูกแฟนบอลบางส่วนค่อนแคะว่าเป็นลูกรักของ "มาสเซอร์เด็จ" แต่ "เจ้ากลิ้ง" ก็ยังคงโฟกัสไปที่ผลงานในสนามและตอบคำถามด้วยการทำประตูสวยๆ อย่างเช่นในนัดนี้ที่ลากบอลเข้าเท้าขวาก่อนยิงโค้งเสียบเสาสองอย่างสวยงาม รวมถึงแอสซิสต์ไปอีก 1 ลูก และยังคุมจังหวะเกมแดนกลางได้อย่างลงตัว ช่วยให้ทีม "สิงห์เจ้าท่า" ปลดล็อกกลับมาคว้าชัยได้อีกครั้ง
กองกลาง : จักรพันธ์ แก้วพรม (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
เป็นหัวใจของ "ปราสาทสายฟ้า" ในการคุมจังหวะเกมแดนกลาง โชว์ลูกคิลเลอร์พาสสวยๆ ให้ ออสวัลโด้ ฟิลโญ่ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงลูก 2-0 รวมถึงมีส่วนร่วมอย่างมากในระบบเพรสซิ่งที่ดุดันของบุรีรัมย์ บีบให้แผงกลางของ เมืองทอง ตั้งเกมไม่ได้ จนเป็นฝ่ายควบคุมเกมไว้ได้แทบจะฝ่ายเดียว
กองกลาง : จอห์น บาจโจ้ (สุโขทัย เอฟซี)
อีกหนึ่ง "เดอะแบก" ของทีม "ค้างคาวไฟ" ดาวเตะร่างเล็กจากมาดากัสการ์แสดงให้เห็นว่าทีมจะขาดเขาไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะเกมสำคัญในช่วงของการหนีตาย นัดนี้ประสานงานกับ เนลสัน โบนีญ่า และ มาร์ติน เอ็นจีว่า โดยแอสซิสต์ไป 2 ลูก บวกกับทำเองอีก 1 ประตู พาทีมเก็บ 3 แต้มสุดล้ำค่าเอาไว้ได้
กองหน้า : เกร็ก ฮูล่า (แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล)
ในสภาพสนามที่แทบจะเล่นโปโลน้ำได้ นักเตะจากแดนน้ำหอมโชว์ฟอร์มโดดเด่นท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก แม้ทีมจะร่วงตกชั้นไปแล้วแต่เจ้าตัวก็ยังทุ่มเทเล่นให้คุ้มค่าจ้างทุกบาททุกสตางค์ นัดนี้เหมายิงคนเดียว 2 ประตู และแม้จะถูกคู่แข่งเปิดปุ่มเหยียบจนเจ็บเท้า ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนตัวออก อยู่เล่นต่อจนครบ 90 นาที สมกับที่คว้าตำแหน่งแมนออฟเดอะแมตช์อย่างแท้จริง
กองหน้า : เนลสัน โบนีญ่า (สุโขทัย เอฟซี)
นัดไหนที่หัวหอกทีมชาติเอล ซัลวาดอร์ ท็อปฟอร์ม ไม่ว่ากองหลังทีมไหนก็ยากที่จะรับมือ ยิ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการหนีตกชั้นแบบนี้ "โบนี่" คือผู้เล่นที่ "ค้างคาวไฟ" จะขาดไปไม่ได้เลย ทำผลงานดุดันที่ยิงคนเดียว 2 ลูกบวกกับ 1 แอสซิสต์ พาทีมถล่ม พัทยา ยูไนเต็ด ขาดลอย 4-0 ช่วยต่อลมหายใจในการหนีตายไปได้อีกเฮือก
เฮดโค้ช : โบซิดาร์ บันโดวิช (บุรีรัมย์ฺ ยูไนเต็ด)
แท็กติกที่วางมาสู้กับ เมืองทอง ของ "บอสโก้" ถือว่าใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ทั้งการให้ลูกทีมเพรสซิ่งแดนกลางจน "กิเลนผยอง" ตั้งเกมไม่ได้ ปิดพื้นที่ริมเส้นไม่ให้ตัวกราบของ "กิเลนผยอง"เติมขึ้นมาครอสได้ถนัด รวมถึงการเปลี่ยนตัวทุกๆ ครั้งดูมีความหมายและเห็นผลได้ชัดเจนกว่าฝั่งเจ้าถิ่นอย่างชัดเจน และกลายเป็นโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ "ปราสาทสายฟ้า" ที่พาทีมบุกชนะเมืองทองได้ทั้งไปและกลับรวม 2 นัดถึง 7-0