TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 33
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2018 ประจำสัปดาห์ที่ 33
แผนการเล่น : 4-3-3
ประตู : สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (สุพรรณบุรี)
นี่ถ้ายังไม่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติก็เชื่อว่า สินทวีชัย ยังสามารถรับใช้ทีม "ช้างศึก" ไปได้อีกนานด้วยคุณภาพในการเซฟประตูรวมถึงสั่งการแผงกองหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนช่วยให้ทีม "ช้างศึกยุทธหัตถี" กลายเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
กองหลัง : ชณธวัฒน์ ศรีสุข (ราชนาวี)
นัดนี้ลงมาเป็นตัวสำรองแต่ขโมยซีนทั้งสนามด้วยการทำคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ ราชนาวี เก็บชัยพร้อมทั้งฉุด โปลิศ เทโร ร่วงตกชั้นอย่างเป็นทางการ แม้จะเป็นตัวแบ็คแต่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจบสกอร์ทั้งลูกแท็บอินวอลเลย์ตีเสมอและลูกยิงไกลสุดสวยจากนอกกรอบเขตโทษ เชื่อได้เลยว่าแม้ทีมตกชั้น แต่ "เจ้าเดี่ยว" น่าจะเนื้อหอมไม่น้อยในช่วงเปิดตลาดซื้อขาย
กองหลัง : สุพรรณ ทองสงค์ (สุพรรณบุรี เอฟซี)
ช่วยทีมเก็บคลีนชีทและคว้าชัยเป็นนัดที่ 3 ติดต่อกัน ต้องยอมรับเลยว่า "เจ้าเชน" มีส่วนอย่างมากกับผลงานการอยู่รอดของ สุพรรณบุรี ในฤดูกาลนี้ จนมีชื่อติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว
กองหลัง : ศราวุธ อินแป้น (สิงห์เชียงราย)
"เจ้าเบียร์" เมื่อได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่องก็ทำผลงานได้ดีอย่างสม่ำเสมอ หน้าที่หลักในเกมรับก็จัดการศูนย์หน้า "สวาดแคท" ได้อยู่หมัด แถมยังขึ้นมาทำประตูตีเสมอให้กับทีมได้อีกด้วย
กองหลัง : ยุทธพงษ์ ศรีละคร (สุโขทัย เอฟซี)
ในช่วง 80 นาทีแรกของเกม สถานการณ์ยังค่อนข้างกดดันสำหรับทั้งสองฝั่ง และเกมรุกของ ราชบุรี ก็ค่อยๆ นวดเข้าใส่สุโขทัย เป็นระยะ แต่ "ค้างคาวไฟ" ก็ได้ "กัปตันเจ๋ง" ช่วยสกัดบอลก่อนถึงเขตอันตรายได้เป็นอย่างดี ทั้งที่สภาพสนามค่อนข้างไม่เป็นใจเพราะฝนตกหนักจนน้ำขัง แต่เขาก็ทำหน้าที่เป็นหัวใจในเกมรับของทีมได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด
กองกลาง : พิชา อุทรา (พัทยา ยูไนเต็ด)
กลับมาโชว์ฟอร์มโดดเด่นในช่วงท้ายฤดูกาลหลังจากเจออาการบาดเจ็บเล่นงานจนหายไปพักใหญ่ และก็ทำให้ "เจ้าเคน" มีชื่อติด 50 คนทีมชาติไทยชุึดซูซูกิ คัพ ไปเรียบร้อย เกมนี้งัดลีลาจี๊ดจ๊าดประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมปั่นป่วนแนวรับของ เมืองทอง ได้ตลอด พร้อมกับทำไปคนเดียว 2 ประตูในเกมที่ยิงกันได้รวมถึง 10 ลูก
กองกลาง : ปกรณ์ เปรมภักดิ์ (การท่าเรือ)
เป็นปีกขวาที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในไทยลีกฤดูกาลนี้ นัดล่าสุด "เจ้าบาส" จัดการยิง 1 แอสซิสต์ 1 และมีส่วนร่วมกับเกมรุกของ "สิงห์เจ้าท่า" ตลอดทั้งเกม ก่อนช่วยพาทีมเปิดบ้านถล่ม ชลบุรี เอฟซี ขาดลอยถึง 5-0 และตอนนี้ ปกรณ์ ก็มีลุ้นก้าวมาเป็นแกนหลักในทีมชาติของ มิโลวาน ราเยวัช อีกด้วย
กองกลาง : อมาดู อ๊วตตาร่า (ราชนาวี)
ใช้ความเร็วปั่นป่วนทางริมเส้นของ โปลิศ เทโร จนล้มลุกคลุกคลาน แม้จะไม่ได้อยู่ครบ 90 นาทีเพราะไปหลุดเอาคืนเตะคู่แข่งจนถูกไล่ออก แต่ช่วงที่อยู่ในสนาม เกมรุกของ "ตะหานน้ำ" เกิดจากความสามารถเฉพาะตัวของปีกชาวไอวอรี่โคสต์คนนี้เป็นส่วนใหญ่ และทำผลงานยิง 1 จ่าย 1 ในนัดนี้
กองหน้า : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส (เอสซีจี เมืองทองฯ)
ในสถานการณ์ที่ทีมถูกนำห่างถึง 1-4 ก็ได้ เฮแบร์ตี้ นี่แหละที่ช่วยพา "กิเลนผยอง" กลับสู่เกมได้ด้วยการเหมาแฮททริค โชว์คลาสบอลที่เหนือชั้นในการเก็บบอลและสร้างสรรรค์เกมรุกจน เมืองทอง รอดพ้นความปราชัยและยังอยู่ในเส้นทางลุ้นอันดับ 3 ของไทยลีกได้ต่อไป
กองหน้า : ดิเอโก หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
จารึกชื่อสู่ประวัติศาสตร์ไทยลีกได้อีกครั้งด้วยการเป็นนักเตะต่างชาติคนแรกที่ยิงประตูในสโมสรเดียวได้ถึง 100 ลูก ด้วยผลงานแฮททริคในเกมนี้ซึ่งเป็นสถิตินักเตะที่ทำแฮททริคได้มากที่สุดในไทยลีกอีกด้วย
กองหน้า : ดราแกน บอสโควิช (การท่าเรือ)
ยิงคนเดียว 2 ประตู ทำให้ "โบเล่" เป็นอีกหนึ่งกองหน้าที่สร้างสถิติยิงประตูถึง 100 ลูกในไทยลีกได้สำเร็จในสัปดาห์ที่ผ่านมา และถือเป็นนักเตะคนที่ 7 ที่ทำได้ต่อจาก ดิโอโก้ ในเวลาต่างกันไม่กี่นาที แม้อาจยิงได้ไม่เยอะเท่าฤดูกาลก่อน แต่สำหรับซีซั่นแรกกับทีมใหม่ที่ยิงไป 16 ประตูก็ถือว่าหัวหอกเซอร์เบียยังคงอยู่ในเส้นทางยอดดาวยิงต่อไป
เฮดโค้ช : ลูโบเมียร์ รีตอฟสกี้ (ราชนาวี)
แม้ทีมจะตกชั้นไปแล้ว แต่ รีตอฟสกี้ ก็ยังคงสั่งให้ลูกทีมจัดหนักจัดเต็มจนดึง โปลิศ เทโร ตกชั้นตามไปอีกทีมได้ นัดนี้กุนซือเลือดเซิร์บ ส่งผู้เล่นเกมรุกลงบู๊เต็มพิกัด แม้ผลการแข่งขันจะไม่มีความหมายอะไรต่ออันดับ แต่ช่วง 10 นาทีสุดท้ายที่ส่ง ชณธวัฒน์ ศรีสุข ลงมาและกลายเป็นซูเปอร์ซับเหมายิงคนเดียว 2 ประตูช่วยให้ทีมเก็บชัยในบ้านได้สำเร็จ เชื่อว่าหากราชนาวีไม่ต่อสัญญา รีตอฟสกี้ ก็น่าจะเป็นอีกชื่อที่หลายๆ ทีมอยากดึงไปร่วมงานด้วย