สรรวัชญ์ เดชมิตร กองกลางทีมชาติไทย ยอมรับว่ารู้สึกดีใจ ที่เริ่มพิสูจน์ฝีเท้าให้ทุกคนได้เห็น เมื่อมีอิทธิพลต่อเกมรุกของทีมทุกนัด จากการทำไป 4 แอสซิสต์ หลังจบรอบแบ่งกลุ่ม ในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2018
โดยนอกจาก สรรวัชญ์ จะเป็นแข้งที่ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในขณะนี้แล้ว ในส่วนของกองกลางวัย 29 ปี ยังเป็นผู้เล่นไทย ที่สร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีม ลุ้นทำประตูได้มากที่สุด ด้วยจำนวน 11 ครั้ง รวมถึงยังเป็นผู้เล่นไทย ที่จ่ายบอลมากที่สุด ด้วยจำนวน 220 ครั้ง พร้อมกับพา ช้างศึก ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ในฐานะแชมป์กลุ่ม บี
“รู้สึกดีครับ ที่เราผ่านเข้ารอบมาได้ และรู้สึกดีเหมือนกัน ที่อย่างน้อยตอนนี้ ผมทำให้ทุกคนเห็นว่า ผมมายืนตรงจุดนี้ได้ เพราะประสิทธิภาพในการเล่น” สรรวัชญ์ กล่าวเริ่ม
“หลังจากนี้ ผมไม่ได้สนใจว่า ผมจะเล่นยากขึ้นหรือเปล่า ผมกลับมองว่า ถ้าทีมอื่นๆ ตัดสินใจมาร์ค (ประกบ) ผมคนเดียว เหมือนที่ สิงคโปร์ ให้สัมภาษณ์ และทำให้คนอื่นๆ อย่าง กอล์ฟ (อดิศักดิ์ ไกรษร) หรือ อาร์ม (ศุภชัย ใจเด็ด) มีพื้นที่เล่นมากขึ้น ผมก็โอเค เพราะส่วนตัวผม ผมไม่จำเป็นต้องเล่นดีทุกนัดก็ได้ ผมขอแค่มีส่วนช่วยทีมชนะก็พอแล้ว”
“ขณะที่ช็อตปะทะกับผู้เล่น สิงคโปร์ ก็ยอมรับว่า ถ้าเป็นแต่ก่อน ผมคงอารมณ์หลุดไปบ้าง แต่ ณ วันนี้ ผมรู้สึกว่า ผมอยากโชว์ประสิทธิภาพในการเล่นให้ทุกคนเห็นมากกว่า ในวันที่ทุกคนโจมตีผม มันทำให้ผมโฟกัสฟุตบอลมากขึ้น และแน่นอนว่า ผมจะพยายามทำงานหนักต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นเรื่อยๆ”
เมื่อถูกถามว่า คิดอย่างไรกับการที่ ช้างศึก สร้างสถิติใหม่ เมื่อยิงประตูได้มากที่สุด หลังจบรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยผลงาน 15 ประตู แซงหน้าของเดิมที่ทำไว้ เมื่อปี 1996 และปี 2004 ด้วยผลงาน 13 ประตู เท่ากัน จาก 4 นัด โดย กองกลางจาก ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า
“ถ้าผลงานเราออกมาเป็นแบบนี้ และคนยังมองในแง่ลบอยู่ ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะต่อให้เราชนะด้วยสกอร์เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าคนยังอคติอยู่ เราก็เปลี่ยนแปลงความคิดใครไม่ได้ แต่กับสถิตินี้ ผมรวมถึงเพื่อนร่วมทีมทุกคน ดีใจครับ ที่ทำได้”
“จริงๆ ก่อนเกม เราไม่ได้สนใจเรื่องนี้หรอก อย่างส่วนตัวผม ทุกครั้งที่ลงไปเล่น ผมคิดแค่ว่า ทำยังไงก็ได้ให้คนที่เข้ามาดูเรา กลับบ้านไปแบบมีความสุข รวมถึงคนที่เชียร์เราอยู่ทางทีวี มีความสุขไปด้วย เราดีใจกับสถิติก็จริงครับ แต่ผลการแข่งขัน ก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
“ส่วนคนที่วิจารณ์แนวทางการเล่น เอาจริงๆ ผมเข้าใจ เพราะแรกๆ ในฐานะที่ผมเป็นคนชอบเล่นเกมรุก ผมยังรู้สึกเลยว่า ทำไมผมต้องมาเล่นเกมรับ แต่ถ้าใครรู้จักโค้ชคนนี้จริงๆ ก็จะรู้ว่า ตัวตนของโค้ชคืออะไร และ เข้ามาเพื่อพัฒนาเราในจุดไหน ดังนั้น เราควรที่จะยอมรับ กับสิ่งที่โค้ชกำลังทำ”
“เราอาจไม่ได้เล่นเกมรุกที่สวยงาม แต่ผมรู้สึกว่า เราเล่นฟุตบอลเป็นทีมมากขึ้น รับเป็นทีมมากขึ้น และในขณะที่คู่ต่อสู้ มาโจมตี และเราไม่เสียประตู มันยังทำให้เรามีโอกาสทำประตูมากขึ้นด้วย ผมรู้สึกว่า มันเป็นมิติใหม่ ในการเล่นฟุตบอลของผม ว่าจริงๆ ฟุตบอลที่เล่นรับกันเป็นทีม จะทำให้เราแนวรุกเราเล่นสบายมากขึ้น จากจังหวะโต้กลับ และจบด้วยการทำประตู ที่สำคัญ ผมเชื่อว่า เรายังพัฒนาได้ดีกว่านี้”
“จากที่เราทำงานหนักอยู่แล้ว เราก็จะพยายามทำงานหนักกันมากขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่า บทสรุปสุดท้ายจะเป็นยังไง แต่สิ่งที่ผมยืนยันได้เลย คือพวกเราทุกคนเต็มที่แน่นอน” สรรวัชญ์ ปิดท้ายด้วยความมุ่งมั่น
สำหรับ ทีมชาติไทย จะบุกไปเยือน ทีมชาติมาเลเซีย ในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2018 รอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันที่ 1 ธันวาคม 2561 จากนั้นจะกลับมาเล่นในบ้าน นัดที่สอง วันที่ 5 ธันวาคม 2561 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานต่อไป