ส.บอลเตรียมเลือก4สนามจัดยู-23ชิงแชมป์เอเชีย
กกท. และ สมาคมฯ ประชุมร่วมกับ AFC เรื่องความพร้อมการเป็นเจ้าภาพศึกชิงแชมป์เอเชีย U-23 ของประเทศไทย
ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ การกีฬาแห่งประเทศไทยฯ การกีฬาแห่งประเทศไทยฯและ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประชุมร่วมกับสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ AFC ที่เดินทางมาประเทศไทย เพื่อตรวจสภาพความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ( AFC U-23 Championship 2020 Finals )
ภายในการประชุม นำโดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย คุณ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการเลขาธิการสมาคมฯ, คุณ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และ รองโฆษกสมาคมฯ, คุณ วิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการฝ่ายส่งเสริมกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย, คุณ ชาญยุทธ วัจนสวัสดิ์ หัวหน้างานแข่งขันกีฬาภูมิภาค, คุณ ชาตรี สินสนอง หัวหน้างานศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ ภาค 3
สำหรับเจ้าหน้าที่ AFC ที่เดินทางมาครั้งนี้ ประกอบไปด้วย ยู จิน โฮ ฝ่ายจัดการแข่งขัน (ทีมชาติ), เชลตัน กูลการนิ ฝ่ายสื่อและประชาสัมพันธ์, เชง ยิง ได ฝ่ายจัดการแข่งขัน (ทีมชาติ), คูมาราซัน ชันดราน ฝ่ายการตลาดและพาณิชย์, โมฮาหมัด ราซากีดิน บิน ราซาลลี ฝ่ายบริการทั่วไป, ฟาดฮิล อัซรี บิน อิสมาอิล ฝ่ายออกแบบสนาม
โดย พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า "ในวันนี้ทาง สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ได้เดินทางมาตรวจสนามที่เราเสนอสำหรับใช้ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี โดยจะมีการตรวจทั้งหมด 6 สนามด้วยกัน คือ 1.สนามราชมังคลากีฬาสถาน 2.สนามกีฬา สมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ 3.สนามบางกอกกล๊าส สเตเดียม 4.สนาม เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จังหวัดนครราชสีมา5.สนาม เมืองทอง สเตเดียม และ 6.สนามฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”
“หลังจากตรวจสอบความพร้อมแล้ว ท้ายที่สุดจะมีการใช้ 4 สนาม เพื่อจัดการแข่งขัน นอกจากที่ทางเจ้าหน้าที่เอเอฟซี จะมาตรวจสอบให้ตรงตามข้อกำหนดแล้ว ยังมาให้ความรู้ในเรื่องของการตลาด การประชาสัมพันธ์ การสื่อสารตลอดจนการทำงานร่วมกัน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยที่จะได้เรียนรู้ตรงนี้"
"โอกาสต่อไปก่อนการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทางสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความเชียวชาญ เกี่ยวกับการประสานงาน เพื่อให้การทำงานของทุกฝ่ายออกมาราบรื่น และบรรลุเป้าหมายที่สุด"
"ทั้งหลาย ทั้งปวง ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะไม่สามารถทำงานให้บรรลุตามเป้าหมายได้ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย, ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้การแข่งขันครั้งนี้เกิดขึ้น"
"นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้รับเกียรติในการจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ดังนั้น สนามทุกสนามต้องตรงตามข้อกำหนดของ AFC โดยตามนโยบายของผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย จะมีการปรับปรุงสนามในหลายๆ แห่ง ทางผมเองก็ได้กราบเรียนท่านผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ให้รอทาง AFC มาให้ความรู้ก่อน เพื่อได้ปรับปรุงให้ตรงตามข้อกำหนดจะได้ตรงตามเป้าหมาย และบรรลุตามเป้าหมายสูงสุด ซึ่งทางผู้ว่าฯ ก็ยินดี ต้องขอบคุณทางการกีฬาแห่งประเทศไทย และเอเอฟซี ครับ"