TOYOTA Thai League Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 4
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2019 ประจำสัปดาห์ที่ 4
แผนการเล่น : 4-3-3
ประตู : ทศพร ศรีเรือง (ตราด เอฟซี)
"เจ้าเอ้" เหมือนมีพลังแฝงเพิ่มขึ้นมาในการเผชิญหน้ากับต้นสังกัดเก่า นัดนี้โชว์ฟอร์มเซฟลูกที่จุดโทษของ เลอันโดร อัสซัมเซา รวมถึงป้องกันลูกยากๆ เอาไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง จนทีมบุกมาเก็บแต้มถึงถิ่นโคราชแบบไม่เสียคลีนชีท
กองหลัง : สุรวิทย์ โลกาวิทย์ (เชียงใหม่ เอฟซี)
"เจ้าเติร์ก" เติมเกมบุกทางริมเส้นฝั่งซ้ายได้มันส์ดีเหลือเกิน มีทั้งโอกาสที่ขึ้นมาลุ้นทำประตูเอง และไฮไลท์สำคัญคือการครอสบอลแม่นเหมือนจับวางให้ เอลิอันโดร ขึ้นโขกเหน่งๆ เป็นประตูให้ทีมออกนำ 1-0 ส่วนเกมรับก็ทำงานหนักอย่างมากในการช่วยปิดเกมริมเส้นของ ฟิลิป โรลเลอร์ ได้หลายต่อหลายครั้ง
กองหลัง : เอฟสัน ปาตริซิโอ (เชียงใหม่ เอฟซี)
ขึ้นมาโขกลูกเตะมุมให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ซึ่งเป็นประตูสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ของ "พยัคฆ์ล้านนา" ได้เปรียบก่อนในครึ่งแรก นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันลูกกลางอากาศที่ ราชบุรี โหมโยนเข้าใส่อย่างหนัก รวมถึงจังหวะเคลียร์บอลในจังหวะสุดท้ายก่อนเสียประตูได้ในช่วงท้ายเกมทำให้ทีมคว้า 3 แต้มแรกในซีซั่นได้
กองหลัง : ชิติพัทธ์ แทนกลาง (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากที่เมื่อกลางสัปดาห์เพิ่งจะมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมประจำนัดที่ 2 ของ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ความมั่นใจของ "เจ้าแบงค์" ก็ยิ่งเพิ่มพูน นัดนี้ยืนไลน์กองหลังได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด แถมยังช่วยสกัดลูกโหม่งระยะเผาขนของ ไมค์ ฮาฟนาร์ ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยเซฟ 3 แต้มออกมาจากถิ่น ทรู สเตเดี้ยม ได้สำเร็จ
กองหลัง : วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (พีทีที ระยอง)
เจองานหนักทั้งเกมโดยเฉพาะในครึ่งหลังที่ การท่าเรือ เจ้าถิ่นโหมบุกแทบจะข้างเดียว แต่ไม่ว่าจะลูกกลางอากาศหรือภาคพื้นดิน ปราการหลังเลือดแซมบ้าก็จัดการเอาอยู่ได้หมด นอกจากนั้นยังคอยสั่งการเพื่อนร่วมทีมในแผงกองหลังให้มีสมาธิอยู่กับเกมจนจบ 90 นาที และแชร์แต้มออกมาจากแพท สเตเดี้ยม ได้อย่างเหนือความคาดหมาย
กองกลาง : อดุล หละโสะ (สุพรรณบุรี เอฟซี)
เบื้องหลังการคว้า 3 แต้มเต็มอย่างสวยงามของ "ช้างศึกยุทธหัตถี" ต้องให้เครดิตการปิดทองหลังพระของมิดฟิลด์พันธุ์ดุรายนี้ ที่คอยเชื่อมเกมในแดนกลาง รวมถึงต่อบอลให้ทีมได้เปรียบในจังหวะขึ้นเกมบุกหลายๆ ครั้ง และยังคอยตัดเกมไม่ให้รุ่นน้องจากฝั่ง "ฉลามชล" ผ่านขึ้นไปสร้างโอกาสในเกมรุกได้ง่ายๆ
กองกลาง : ฮาจิเมะ โฮโซกาอิ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)
อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติญี่ปุ่นทำให้ทุกอย่างดูง่ายไปหมด ในการขับเคลื่อนและออกบอลในแดนกลางสู่ไลน์กองหน้า แม้ไม่ได้เล่นครบ 90 นาทีแต่ ฮาจิเมะ แสดงให้เห็นถึงคลาสบอลระดับสูงที่เคยผ่านเวทีบุนเดสลีกามาแล้ว ซึ่งเชื่อได้เลยว่าเขายังมีอะไรดีๆ ให้แฟน "ปราสาทสายฟ้า" ได้เห็นอีกเยอะแน่นอน
กองกลาง: จิตปัญญา ทิสุด (พีที ประจวบ)
ยังคงสร้างผลงานได้โดดเด่นต่อเนื่อง แม้จะถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติไทยชุด ไชน่า คัพ แต่ "เจ้าหน่อง" ก็ไม่ได้สูญเสียกำลังใจ การออกบอลไดเร็คสไตล์ถนัดของเจ้าตัวสร้างโอกาสให้เพื่อนได้เรื่อยๆ และยังทำประตูปิดกล่องให้ทีมจากลูกยิงไกลเครื่องหมายการค้าของตัวเองอีกครั้ง
กองหน้า : โจนาธาน เฮส (สุพรรณบุรี เอฟซี)
หลังจากพยายามควานหาประตูแรกในซีซั่นมานาน นัดนี้ โจนาธาน เฮส แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก แม้จะมีสไตล์วันแมนโชว์อยู่บ้าง แต่เกมนี้จังหวะต่างๆ เข้าทางหัวหอกเลือดแซมบ้า จนเหมาคนเดียว 2 ประตูซึ่งที่จริงน่าจะทำแฮททริคไปแล้วด้วยซ้ำหากไม่ถูกปฏิเสธโดยผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ยกธงเป็นลูกล้ำหน้าทั้งที่ไม่น่าล้ำซะก่อน
กองหน้า : แฮร์ลิสัน ไคยอน (พีที ประจวบ)
เหมาคนเดียว 2 ประตูอีกครั้ง จากการประสานงานอันยอดเยี่ยมกับ มาเธอุส อัลเวส ที่แอสซิสต์ให้โขกหนึ่งลูก และเรียกจุดโทษให้ ไคยอน ยิงอีกเม็ด ทำให้ตอนนี้อดีตศูนย์หน้าผู้เคยถูกปรามาส ขึ้นมานำเดี่ยวเป็นดาวซัลโวไทยลีกด้วยการซัดไปแล้ว 4 ประตู
กองหน้า : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส (เอสซีจี เมืองทองฯ)
แม้ไม่มีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดในนัดบุกชนะ สิงห์เชียงราย 3-2 แต่ทั้ง 3 ประตูที่ "กิเลนผยอง" ทำได้มาจากการสร้างสรรค์โอกาสและแอสซิสต์ของ เฮแบร์ตี้ ทั้งหมด เรียกได้ว่าเขาคือ "เดอะแบก" ตัวจริงในยามที่ทีมต้องการสร้างความแตกต่างในเกม และเขาสมควรได้รับเกียรติในการยกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์
เฮดโค้ช : ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก (เอสซีจี เมืองทองฯ)
หลายคนอาจจะยกเครดิตชัยชนะเหนือ สิงห์เชียงราย ว่าเป็นความยอดเยี่ยมของ เฮแบร์ตี้ แต่อย่าลืมว่าในสถานการณ์ที่เกมทั้งเบียดและเต็มไปด้วยความกดดัน "โค้ชเบ๊" นี่แหละที่เป็นคนเลือกดาวรุ่งอย่าง กรวิชญ์ ทะสา หรือ ศฤงคาร พรมสุภะ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงและก็ทำผลงานได้ดี รวมถึงการเปลี่ยน อดิศักดิ์ ไกรษร ลงไปแทน ธีรศิลป์ แดงดา ซึ่งทำเอาแฟนๆ "กิเลนผยอง" งงกันเป็นแถว แต่ "เจ้ากอล์ฟ" ก็กลายเป็นซูเปอร์ซับ ทำประตูชัยได้จากลูกยิงสุดสวย ซึ่งบทบาทของ เฮแบร์ตี้ ที่ถอยตัวเองลงมาเป็นเพลย์เมกเกอร์ก็เป็นแท็กติกที่ "โค้ชเบ๊" เลือกใช้ซึ่งได้ผลจนคว้า 3 แต้มพร้อมกับขึ้นมาอยู่ครึ่งบนของตารางได้สำเร็จ