การ์เลส โรมาโกซา อดีตผู้อำนวยการเทคนิคสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ของฝรั่งเศส เข้าพบ พล.ต.อ. ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และนายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ เพื่อหารือ และนำเสนอแนวทางการพัฒนาฟุตบอล
สำหรับในอดีตที่ผ่านมา ทีมชาติไทย ยังไม่มีผู้อำนวยการเทคนิค ซึ่งทำหน้าที่ลงรายละเอียดในส่วนของทีมชาติโดยเฉพาะ ในการวิเคราะห์ ประมวลผลข้อมูลและสถิติ จากฟอร์มการเล่นล่าสุด ทั้งจากผลงานของนักเตะในสนาม และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ซึ่งทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็ได้รับคำแนะนำจากทาง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ให้มีการสรรหาผู้อำนวยการเทคนิค ทีมชาติไทย ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แบบเต็มเวลา
โดยก่อนหน้านี้ ได้มี อี ยอง ซู อดีตประธานเทคนิคสมาคมฟุตบอลเกาหลีใต้ ที่เดินทางมาเสนอตัวกับสมาคม เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา
สำหรับ การ์เลส โรมาโกซา เป็นอดีตผู้ฝึกสอนชาวสแปนิช โดยในปี 1997 ได้เข้าไปเป็นผู้ฝึกสอนของ ทีมเยาวชนบาร์เซโลนา และปลุกปั้นนักเตะดังอย่าง เชสก์ ฟาเบรกาส, เคราร์ด ปิเก้, จอร์ดี้ อัลบา ฯลฯ ก่อนจะก้าวขึ้นไปเป็น ผู้อำนวยการโรงเรียน ของสโมสรบาร์เซโลนา พร้อมกันนี้ ยังเป็นผู้ช่วยประธานเทคนิค ของสหพันธ์ฟุตบอลกาตาลัน พร้อมกับจัดคอร์ส อบรมผู้ฝึกสอนมากมาย ในแคว้นกาตาลัน
หลังจากนั้น ได้ออกมาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยอูนิเวอร์ซิตัต เด วิค สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา และเป็นผู้วางปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบ เอคโคโน่ ซึ่งนอกจากหน้าที่ดังกล่าวแล้ว เจ้าตัวยังเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคของสโมสร ปาชูก้า ในประเทศเม็กซิโก รวมถึงสมาคมฟุตบอลจีน ในการให้คำแนะนำเรื่องการพัฒนาเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี และ 17 ปี ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิคของ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2015 ถึงเดือนตุลาคม 2018
ซึ่งทางด้านของ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวว่า “สำหรับ การ์เลส โรมาโกซา เราได้มีการประสานงานกับเขามาตลอด ตั้งแต่สมัยที่ยังทำงานอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง”
“แม้ปัจจุบัน เขาจะยังมีสัญญากับสโมสรแห่งหนึ่ง แต่เนื่องจากความท้าทายในการทำงานกับฟุตบอลไทย ทำให้เขาสนใจเข้ามาพูดคุยรายละเอียด”
“อย่างไรก็ตามหากว่าทุกอย่างลงตัว ก็คงต้องรอให้สัญญาปัจจุบันเสร็จสิ้นลงก่อนเช่นกัน”
“ซึ่งการพัฒนาฟุตบอลของไทย หากจะลงลึกไปในรุ่นเยาวชน ก็ต้องเริ่มด้วยการปลูกฝังทัศนคติใหม่ๆ และร่วมมือทำงานกับสโมสร ให้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันในการดำเนินงาน” พาทิศ ศุภะพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย