แผนการเล่น : 4-5-1
ประตู : อภิรักษ์ วรวงษ์ (สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด)
"เจ้าสอง" ผู้ครองมือหนึ่งของทีม "กว่างโซ้ง" ในฤดูกาลนี้ โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบสม่ำเสมอ และรักษาคลีนชีทได้อีกครั้ง การอ่านเกมและจังหวะออกมาตัดบอลทำให้ทุกอย่างดูง่ายไปหมด น่าเสียดายอย่างเดียวคือถ้าอายุน้อยกว่านี้สัก 1 ปี แล้วโชว์ฟอร์มดีแบบนี้ ตำแหน่งนายด่านช้างศึกชุดโอลิมปิกคงต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน
กองหลัง : เอกนัฏฐ์ คงเกตุ (นครราชสีมา มาสด้า)
แม้จะลงมาเป็นตัวสำรองแต่้ถือเป็นการเปลี่ยนตัวที่ส่งผลกับเกมมาก ทั้งเกมรับที่ใช้ความเร็วและความแข็งแกร่งปิดเกมริมเส้นของ เชียงใหม่ ได้อย่างเข้าตา แถมยังโขกลูกเตะมุมให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ช่วยคลายความกดดันก่อนที่ "สวาดแคท" จะเก็บ 3 แต้มในบ้านได้ตามเป้าหมาย
กองหลัง : เอเลียส ดอเลาะห์ (การท่าเรือ เอฟซี)
โชว์ฟอร์มเด่นแบบนี้ ยิ่งเป็นการสนับสนุนเสียงวิจารณ์ของแฟนบอลว่า เพราะเหตุใดปราการหลังลูกครึ่งไทย-สวีดิชถึงไม่มีชื่อติด 35 ผู้เล่นทีมชาติไทย เกมนี้เป็นคนขึ้นมาโขกประตูจากลูกเตะมุมเป็นประตูแรกในฤดูกาลนี้ รวมถึงจังหวะป้องกันก็ทำได้สวยๆ หลายครั้ง ที่เข้าตาที่สุดคงเป็นจังหวะเบียดเข้าแย่งและคล้องบอลออกมาจากเท้าของ เนลสัน โบนีญ่า จนแทบหัวทิ่มเลยทีเดียว
กองหลัง : บรินเนอร์ เฮนริเก้ (สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด)
โดดเด่นเหมือนเคย ถือเป็นคีย์แมนคนสำคัญในแนวรับที่ "กว่างโซ้ง" แทบจะขาดไปไม่ได้แล้ว การที่ทีมเพิ่งแพ้แค่นัดเดียวตลอด 11 นัดที่ผ่านมา บรินเนอร์ มีชื่อโผล่ในทีมยอดเยี่ยมอยู่เป็นประจำ และแน่นอนว่าผลงานจากเกมล่าสุดก็ยังสมควรติดอีกครั้ง
กองหลัง : ทินกร อสุรินทร์ (สุพรรณบุรี เอฟซี)
แม้จะถูกวิจารณ์อยู่เนืองๆ ในเรื่องการเข้าบอลที่ดุดัน ซึ่งในเกมนี้ก็เกือบพลาดท่าทำเสียจุดโทษ โชคยังดีที่ผู้ตัดสินไม่เห็นเช่นนั้น แต่โดยภาพรวมแล้ว "เจ้ากร" แข้งสารพัดประโยชน์เชื้อสายจันทบุรีก็ยังทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี และ 1 แต้มในรังเกมนี้อาจจะรักษาไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าปราศจากความขยันทุ่มเทของเจ้าตัว
กองกลาง: แบร์กนาร์ อองรี ดูมเบีย (นครราชสีมา มาสด้า)
ตัวรุกชาวไอวอรี่โคสต์ ประสานงานกับ อมาดู ป่วนเกมริมเส้นของ เชียงใหม่ ตลอดทั้งเกม ทั้งลีลากระชากลากเลื้อย, ความเร็ว และความเฉียบคมในการจบสกอร์ ถือเป็นการเสริมทัพที่แสนคุ้มค่าของ "สวาดแคท" ในฤดูกาลนี้ เกมล่าสุดเจ้าตัวมีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะมาก และเหมาซัดไปคนเดียวถึง 2 ประตู
กองกลาง : อดุล หละโสะ (สุพรรณบุรี เอฟซี)
"บังดุล" ในวัยย่าง 33 ปียังคงวิ่งเป็นม้าเช่นเคยในการปัดกวาดพื้นที่ในแดนกลาง ด้วยความขยันและการทำงานอย่างหนักซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัว เกมนี้มีจังหวะตัดบอลสวยๆ ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง รวมถึงการจ่ายบอลโฮลด์บอลก็ทำได้ดี คอยดีเลย์เกมรุกของเมืองทอง ทำให้แดนกลางของ "ช้างศึกยุทธหัตถี" อุ่นใจยามเป็นฝ่ายตั้งรับ
กองกลาง : ปฐมชัย เสือสกุล (ราชบุรี มิตรผล)
แข้งเจ้าของเสื้อเบอร์ 31 ตามอายุของเจ้าตัว มีส่วนร่วมกับแทบทุกจังหวะทั้งการคุมเกมในแดนกลาง รวมถึงการสร้างสรรค์เกมรุกที่มีบทบาทอย่างมาก ในชัยชนะที่สกอร์ออกมาง่ายดายเกินคาด 3-0 "เจ้าใหม่" ยิงคนเดียว 2 ประตูซึ่งเป็นการยิงที่มาจากความขยันและความเยือกเย็น ถือเป็นมิติใหม่ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า เขาไม่ได้มีดีแค่ลูกยิงไกลอย่างที่หลายๆ คนเคยคิด
กองกลาง : อมาดู อ๊วตตาร่า (นครราชสีมา มาสด้า)
ถือเป็นผู้เล่นที่ผลงานโดดเด่นที่สุดในสัปดาห์นี้เลยทีเดียว แทบทุกครั้งที่ อมาดู ได้บอล มักจะมีอะไรพิเศษเกิดขึ้นเสมอ นัดนี้เล่นงานเกมรับของ เชียงใหม่ จนเปิดตำรารับมือแทบไม่ทัน ก่อนยิง 1 แอสซิสต์ 1 ช่วยทีมคว้า 3 แต้มเต็มอย่างงดงาม
กองกลาง : สตีเว่น ล็องชิล (ราชบุรี มิตรผล)
นี่คือนักเตะที่ผลการทดสอบความฟิตดีที่สุดเป็นอันดับ 1 ของ "ราชันมังกร" แถมยังเป็นคนที่เพื่อนร่วมทีมรวมถึงโค้ชยอมรับว่าเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในทีมทั้งเรื่องทักษะฝีเท้า, ประสบการณ์ และความแข็งแกร่ง เกมนี้นอกจากจะทำไป 1 ประตูแล้วยังคอยปั่นป่วนแนวรับของ ชัยนาท จนพูดได้เลยว่า "นกใหญ่" เกมนี้ขาดคนที่ต้านทานเขาได้จริงๆ
กองหน้า : สมคิด ชำนาญศิลป์ (สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด)
ลีลาการกระชากบอลหลีกกองหลังก่อนสับไกหน้ากรอบเขตโทษเสียบเสาแรกมันช่างติดตาตรึงใจดีเหลือเกิน กองหน้าวัย 26 ปีคือความภาคภูมิใจของชาวกระบี่โดยแท้จริง ก่อนหน้านี้หลายคนได้ยินชื่อแล้วอาจจะงงว่าเขาคือใคร แต่ตอนนี้หลังจากขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงของทีมใหญ่อย่าง "กว่างโซ้ง" ได้เรื่อยๆ แถมทำผลงานเข้าตาขนาดนี้ ไม่แน่เหมือนกัน อนาคตอันใกล้ เจ้าตัวอาจจะมีโอกาสลุ้นติดธงช้างศึกกับเขาบ้างก็ได้
เฮดโค้ช : มาร์โก ซิโมเน่ (ราชบุรี มิตรผล)
ก่อนเกมที่จะมาเยือน ชัยนาท แฟนบอล "ราชันมังกร" เองก็ยังกังวลว่าจะรับมือกับเกมเพรสซิ่งอันลือเลื่องของเจ้าถิ่นไหวหรือไม่ แต่กุนซือชาวอิตาเลียนแสดงให้เห็นว่าทำการบ้านมาเป็นอย่างดี ในการใช้วิธีเล่นบอลเป็นกลุ่มใช้ความเร็วในการต่อบอลอย่างแม่นยำ อีกทั้งเมื่อรู้ว่าเจ้าถิ่นขาดกองหลังกัปตันทีมอย่าง ปริญญา อู่ตะเภา ไป ก็ใช้ สตีเว่น ล็องชิล ซึ่งมีความคล่องตัวสูง เลี้ยงจี้ทลายแนวรับที่ความเร็วแตกต่าง รวมถึงในแผงหลังก็จัดเชปทีมได้ลงตัวแทบไม่มีจุดอ่อนให้โจมตี อาจจะนับเป็นเกมที่ดีที่สุดเลยด้วยซ้ำตั้งแต่ที่ มาร์โก เข้ามากุมบังเหียน ราชบุรี