บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โดย "เครื่องดื่มตราช้าง" พร้อมด้วยกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์, บริษัท บูทรูมแอพพาเรล จำกัด โดยชุดกีฬาแบรนด์อาริ และบริษัท มอลเทน (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมสร้างเส้นทางสู่ฝัน กับที่สุดของการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 รายการ "ช้าง จูเนียร์ คัพ 2019" เฟ้นหาแชมป์เพียงหนึ่งเดียวที่จะได้สัมผัสประสบการณ์อันล้ำค่าที่เงินหาซื้อไม่ได้ ในการท่องดินแดนลูกหนังประเทศอังกฤษกันแบบยกทีมในเดือนกันยายนนี้
ณ ห้องแกรนด์บอลรูม สโมสรราชพฤกษ์ ได้มีการแถลงข่าวและพิธีจับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี รายการ "ช้าง จูเนียร์ คัพ 2019" รอบชิงแชมป์ประเทศไทย โดยมีพันโทรุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์, คุณกรวีร์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วยคุณสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการโครงการไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง, คุณกันธร เพิ่มทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดด้านกีฬา กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์, คุณศิวัช วสันตสิงห์ บริษัท บูทรูมแอพพาเรล จำกัด โดยชุดกีฬาแบรนด์อาริ, คุณเคนทาโร่ ชิมะดะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มอลเทน (ไทยแลนด์) จำกัด ตัวแทนทีม และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงาน ซึ่งมีทีมเยาวชนจากทั่วประเทศผ่านเข้าแข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 16 ทีม จากกว่า 300 ทีมทั่วประเทศ
คุณสุรพล อุทินทุ ผู้อำนวยการโครงการไทยเบฟ ไทยทาเล้นท์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กว่า 20 ปีที่เครื่องดื่มตราช้าง ได้สนับสนุนวงการฟุตบอลไทย โดยมุ่งหวังให้วงการฟุตบอลในบ้านเรามีการพัฒนาและยกระดับไปสู่ระดับสากล จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างรากฐานที่มั่นคงของบุคลากรตั้งแต่ระดับในเยาวชน เพื่อที่จะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญ ของทีมชาติไทย เราจึงได้จัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปีขึ้น เพื่อสร้างเวทีประลองแข้งให้น้องๆ เยาวชนทั่วประเทศได้มีโอกาสทดสอบฝีเท้า ในการแข่งขัน “ช้าง จูเนียร์ คัพ” เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะก้าวไปสู่วงการลูกหนังอาชีพและทีมชาติไทยต่อไปในอนาคต”
โดยการแข่งขัน “ช้าง จูเนียร์ คัพ 2019” ได้ทำการแข่งขันในรอบคัดเลือก และทีมสมัครเข้าร่วมการแข่งขันรวมกว่า 300 ทีม แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและมาตรฐานในการจัดการแข่งขันจากทีมเยาวชนทั่วประเทศที่มีจำนวนมากขึ้นในทุกปี และตอนนี้เราได้สุดยอดทีมเยาวชนตัวแทนทุกภาคทั่วประเทศจำนวน 9 ทีม ได้แก่ โรงเรียนหนองโพวิทยา จ.ราชบุรี, โรงเรียนพิชญบัณฑิต จ.หนองบัวลำภู, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี่ จ.บุรีรัมย์, โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา จ.ชลบุรี, ยักษ์ ฟิตเนส พรตพิทยพยัต กรุงเทพฯ, โรงเรียนเทศบาล 1 เอ็งเสียงสามัคคี จ.สงขลา, SEP Srisaman จ.นนทบุรี, สโมสรฟุตบอลบางกะปิ กรุงเทพฯ และ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งทั้ง 9 ทีม จะเข้าแข่งขันกับทีมเยาวชนจากสโมสรยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย ที่เป็นทีมวาง จำนวน 7 ทีม คือ โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี (แชมป์เก่า), บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี, อาร์มี่ ยูไนเต็ด และช้าง จูเนียร์ ทำการแข่งขันแบบแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่ม เพื่อหาทีมที่มีคะแนนที่ดีที่สุดอันดับ 1 และ 2 ของกลุ่มเข้าแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายในระบบน็อคเอ้าท์
ซึ่งผลการจับสลากแบ่งสายการแข่งขันมีดังนี้
สาย A สโมสรฟุตบอลบางกะปิ , ชลบุรี เอฟซี , ช้าง จูเนียร์ , รร.หนองโพวิทยา
สาย B เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด , บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อะคาเดมี่ , สุพรรณบุรี เอฟซี , รร.พิชญบัณฑิต
สาย C รร.อัสสัมชัญศรีราชา , SEP Srisaman , อาร์มี่ ยูไนเต็ด , ยักษ์ฟิตเนส พรตพิทยพยัต
สาย D รร.เทศบาล 1 เอ็งเสียงสามัคคี , บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด , รร.อัสสัมชัญธนบุรี , ราชบุรี มิตรผล เอฟซี
คุณสุรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา มีน้องๆเยาวชนเข้าร่วมโครงการกว่า 18,000 ชีวิต และได้พัฒนาทักษะฝีเท้า จนก้าวไปสู่การเป็นนักเตะสโมสรทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ รวมถึงการติดทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น ทอมมี่ สตีเวนส์ จากทีม KC-15 แชมป์ ช้าง จูเนียร์ คัพ 2014 และได้รางวัล MVP ซึ่งนักฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดU-19 และได้ติดสโมสรเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่อายุ 15 ปี และยังมี “ไม้” อชิตพล คีรีรมย์ จากทีม KC-15 ชุดแชมป์ช้าง จูเนียร์ คัพ ในปี 2014 ซึ่งนักฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดU-19 เช่นกัน รวมถึงนักเตะดาวรุ่งอย่าง “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่ทำลายสถิติมากมายด้วยวัยเพียง 16 ปี จากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งคว้ารางวัลกองหน้ายอดเยี่ยมของช้าง จูเนียร์ คัพ ในปี 2015 ล่าสุดได้ติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และยังมีน้องๆอีกมากมายที่ได้โลดแล่นอยู่ในวงการฟุตบอลไทยทั้งในสโมสรอาชีพและทีมชาติ
และนอกจากนี้ทาง“ช้าง”ยังมีรางวัลพิเศษสำหรับนักเตะฝีเท้าดีที่ผ่านการคัดเลือกจากหัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชนทีมชาติไทยถึง 6 รางวัลด้วยกัน ได้แก่ กองหน้ายอดเยี่ยม, กองกลางยอดเยี่ยม, กองหลังยอดเยี่ยม, ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม, รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม หรือ Most Valuable Player (MVP) และรางวัลนักเตะผู้มีพรสวรรค์ หรือ “Most Talented Player” ที่จะได้สิทธิ์เดินทางสู่ประเทศอังกฤษพร้อมกับทีมแชมป์ช้าง จูเนียร์ คัพ 2019 และรางวัลพิเศษอีก 1 รางวัล คือ “Sportsmanship Award” สำหรับทีมที่มีความเป็นน้ำใจนักกีฬาเป็นเลิศตลอดทัวร์นาเม้นท์นี้”
สำหรับ “ช้าง จูเนียร์ คัพ 2019” รอบชิงแชมป์ประเทศไทย จะทำการแข่งขันระหว่างวันที่ 11-14 มิถุนายน 2562 ที่สนามไทยเบฟ ฟุตบอล อะคาเดมี่ ส่วนรอบรองและรอบชิงชนะเลิศ จะทำการแข่งขันในระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายน 2562 ที่สนามกีฬากองทัพบก เพื่อหาตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวที่จะคว้าแชมป์ “ช้าง จูเนียร์ คัพ 2019” รับทุนการศึกษา 60,000 บาท พร้อมรับสิทธิ์เดินทางบินตรงสู่เมืองผู้ดี เปิดประสบการณ์อันล้ำค่าที่เงินหาซื้อไม่ได้ เป็นระยะเวลาถึง 10 วัน ติวเข้มกับสโมสรฟุตบอลระดับแถวหน้าของโลก อย่างสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษกันแบบติดขอบสนาม พร้อมลงแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรกับอะคาเดมี่ชั้นนำของเกาะอังกฤษในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ ส่วนรองชนะเลิศได้รับทุนการศึกษา 40,000 บาท อันดับที่ 3 รับทุนการศึกษา 30,000 บาท และอันดับที่ 4 รับทุนการศึกษา 20,000 บาท
ติดตามข่าวสาร ผลการแข่งขัน และรับชมการถ่ายทอดสด “ช้าง จูเนียร์ คัพ 2019” รอบชิงแชมป์ประเทศไทย ผ่าน Facebook Page : ThaiBev ThaiTalent และ
www.thaibevthaitalent.com/changjuniorcup ส่วนในรอบชิงชนะเลิศ รับชมผ่าน SMMTV ได้อีกหนึ่งช่องทาง ตั้งแต่เวลาเวลา 15.15 น. เป็นต้นไป ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมและร่วมเชียร์การแข่งขัน พร้อมลุ้นรับของรางวัลพิเศษจากเครื่องดื่มตราช้างและพันธมิตร ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น