ยิ่งใหญ่! ปธ.ฟีฟ่า-เอเอฟซีร่วมเปิดศูนย์พัฒนาเยาวชน
จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ และชีค ซัลมาน บิน อิบรอฮีม อัล คอลีฟะห์ ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ร่วมกับพล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานพิธีเปิดศูนย์พัฒนาเยาวชน ชี้ช่วยยกระดับและพัฒนาฟุตบอลไทย
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดพิธีเปิดศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอล (High Performance Training Center) ขึ้น โดยได้รับเกียรติจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า, สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี และ คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ร่วมเป็นเจ้าภาพ
ภายในงานนำโดย จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า),ชีค ซัลมาน บิน อิบรอฮีม อัล คอลีฟะห์ ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) และ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานร่วมกันเปิดศูนย์ดังกล่าว โดยมีแขกผู้มีเกียรติจากวงการฟุตบอลทั่วทั้งโลกร่วมงานครั้งนี้
ภายในพิธีเปิด พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า "นี่ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญ และเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย เนื่องจากนี้คือศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งแรกของสมาคมฟุตบอลของเรา ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ และยังเกิดจากความร่วมมือของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี"
ด้าน จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ กล่าวว่า "มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ถือเป็นศูนย์ฝึกฟุตบอลที่สวยงามมาก ต้องขอบคุณทางพล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ช่วยยกระดับและพัฒนาฟุตบอลไทย ผมในฐานะประธานฟีฟ่า เราพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันวงการฟุตบอลไทย เช่นเดียวกับเอเอฟซี"
"ตอนนี้เราได้เห็นโครงสร้างต่างๆ ของวงการฟุตบอลไทย สิ่งสำคัญที่สุดคือหลังจากนี้คือการทำให้ทุกคนรักในกีฬาฟุตบอล และผมเองก็เชื่อว่าคนไทยหลายคนก็รักฟุตบอล ซึ่งผมก็รักพวกคุณทุกคน"
ด้าน ชีค ซัลมาน บิน เอบอรฮีม อัล คอลีฟะห์ ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย กล่าวว่า "ผมรู้สึกภูมิใจและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานในวันนี้ ผมรู้สึกยินดีมากที่ได้เห็นพัฒนาการของวงการฟุตบอลไทย ได้เห็นพลังขับเคลื่อน"
"สิ่งสำคัญของเอเอฟซี คือการได้เห็นพัฒนาการของประเทศสมาชิก หากไม่มีประเทศเหล่านี้ เอเอฟซีก็คงจะแข็งแกร่งไม่ได้ ทางเอเอฟซีเองก็พร้อมให้การสนับสนุน ประเทศสมาชิกอย่างเต็มที่เสมอ"
สำหรับศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอลที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีขนาดทั้งหมด 22 ไร่ แบ่งเป็น อาคารสปอร์ต คอมเพลกซ์, ห้องฟิตเนส, สปา, ซาวน่า, สนามหญ้าจริง 1 สนาม, สนามหญ้าเทียม 1 สนาม,สนามฟุตวอลเลย์ และสนามฝึกซ้อมสำหรับผู้รักษาประตู ซึ่งทั้งหมดนี้ เกิดจากการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, โรงพยาบาลตำรวจ และบริษัท เอคโคโน เมธอด ซอคเกอร์ เซอร์วิส (Ekkono Method Soccer Services) เพื่อตั้งเป้าผลิตนักเตะเยาวชนก้าวสู่ระดับชาติ ตามสไตล์ “Thailand’s Way” สู่เป้าหมายฟุตบอลโลก 2026