เอเอฟซี ประกาศใช้สนาม ช้าง อารีนา จัดชิงแชมป์เอเชีย U23 แทนสนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ประกาศใช้สนาม ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ ในการจัดแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แทนที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี
โดยเมื่อวันที่ 20-21 กันยายนที่ผ่านมา ฝ่ายจัดการแข่งขันและกิจกรรมฟุตบอล สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เดินทางไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบความพร้อมของสนามช้าง อารีนา และสนามฝึกซ้อมโดยรอบ ก่อนจะพิจารณาเลือกใช้สนามดังกล่าว แทนที่ของสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ที่กำหนดการปรับปรุงสนามแล้วเสร็จไม่ทันตามที่เอเอฟซีกำหนด
ซึ่งทางด้านของ ยู จิน โฮ หัวหน้าฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, การกีฬาแห่งประเทศไทย, เจ้าของสนามแต่ละสนาม ที่ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี”
“หลังจากที่เราได้ไปตรวจสนาม ทั้งของสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เราก็ได้ข้อสรุปว่า จะใช้บุรีรัมย์ เป็นสถานที่จัดการแข่งขัน แทนเชียงใหม่ ที่ไม่สามารถส่งมอบงานได้ทันตามกำหนด เมื่อพิจารณาจากระยะเวลา และเงื่อนไขสภาพสนามในปัจจุบัน”
“ในส่วนของสนามบุรีรัมย์ ถือว่ามีความพร้อม แม้ว่าอาจต้องมีบางส่วนที่ต้องปรับปรุงในรายละเอียดเล็กน้อย โดยพื้นสนามก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งทางเอเอฟซีก็จะมีการรวบรวมเอกสารข้อกำหนดต่างๆ และส่งมอบให้กับทางบุรีรัมย์ต่อไป”
"ในส่วนของราชมังคลากีฬาสถาน ได้มีการตรวจสอบในหลายส่วน และทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็ได้ดำเนินการและอธิบายแผนงานที่จะปรับปรุงสนาม ทางเราก็รับทราบและติดตามต่อไป พร้อมให้ทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ยืนยันการปรับปรุงสนามให้แล้วเสร็จภายในช่วงต้นเดือนธันวาคม"
“ซึ่งทางเอเอฟซีก็เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากที่ได้เดินทางมาตรวจสนามในหลายครั้ง รวมถึงได้ดูแผนงานต่างๆ ทั้ง 4 สนาม จะสามารถทำการปรับปรุงและส่งมอบได้ทันเวลา จัดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ได้อย่างแน่นอน”
สำหรับสนามช้าง อารีนา ของสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นเคยผ่านการจัดแข่งขันของเอเอฟซีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือเอเอฟซี เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก คู่ระหว่างมาเลเซีย ที่พบกับเกาหลีเหนือ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยหลังจากนี้ ทางเอเอฟซีมีกำหนดการเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าการปรับปรุงสนามอีกครั้ง ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และจะส่งมอบภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ต่อไป
