เลขาส.กรีฑาฯแจงดราม่าสนาม ม.ธรรมศาสตร์
"แฝดใหญ่" พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล เลขาฯสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ออกมาแจงดราม่าหลังทีมกรีฑาไทยรื้อหญ้าทีมที่ปูไว้บนลูวิ่งในสนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ที่จะใช้จัดศึกยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย จนโดนกระแสวิจารณ์หนักบนโลกโซเชียล
จากประเด็นดราม่าเรื่องทีมกรีฑาทีมชาติไทยได้เข้าไปใช้สนาม ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ในการซ้อมเพื่อเตรียมทีมแข่งขันกรีฑาชิงแชมป์เอเชีย ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ และมีภาพจากเพจ "ลูกลุงเฮงเสือกระดาษ" เผยแพร่ว่าทีมกรีฑาได้มีการรื้อพื้นปูหญ้าเทียมบริเวณลู่วิ่งจนเกิดความเสียหาย และทางเอเอฟซีที่เข้ามาตรวจสนามอีกครั้งในช่วงเย็นได้ตักเตือนว่าขอไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ว่าอาจส่งผลเสียต่อความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลรายการสำคัญระดับทวีปนั้น
ล่าสุดทีมข่าว THSPORT สอบถามกับ "แฝดใหญ่" พล.ต.ต.สุรพงษ์ อาริยะมงคล เลขาฯสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยฯ ได้รับการชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อเท็จจริง โดยอธิบายว่าสมาคมกรีฑาฯกับมธ.รังสิต มีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานและใช้ที่แห่งนี้เป็นที่ทำการของสมาคมมานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งตลอดมาได้ใช้สนามแห่งนี้ซ้อมอยู่ตลอด และได้มีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าของสนามมธ.รังสิต ว่าสามารถเจ้าไปใช้ซ้อมได้จนกระทั่งก่อนถึงวันที่ 4 ม.ค. เพราะจากนั้นสนามจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปใช้สนามตั้งแต่วันที่ 4-24 ม.ค. เพื่อใช้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลยู23 ชิงแชมป์เอเชีย ซึ่งสมาคมกรีฑาก็ทราบกำหนดการณ์ดีอยู่แล้ว และได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.วัชระ สอนดี หัวหน้าโค้ชทีมกรีฑาว่า นอกจากนักกีฬาทีมชาติ นักกรีฑาของมธ.รังสิต ก็มาร่วมซ้อมด้วยเช่นกันตามปกติ ซึ่งหลังจากวันที่ 4 ม.ค. จะย้ายไปซ้อมที่สนามสองอยู่แล้ว
ส่วนภาพที่เห็นว่ามีการรื้อพื้นปูหญ้าเทียม "แฝดใหญ่" แจงว่า ร.ต.อ.วัชระ ยืนยันว่าไม่ได้เกิดความเสียหายใดๆ เป็นการพับพื้นหญ้าเทียมขึ้นในจุดบริเวณลู่และลานแค่บางจุดเท่านั้นเพื่อใช้ซ้อมวิ่ง และการปูหญ้าเทียมก็ไม่ได้มีการยึดตรึงอะไรไว้และยังไงก็ต้องเปิดเพื่อให้รถขนของวิ่งเข้าออกอยู่แล้ว ซึ่งหลังจากนั้นทางบริษัทผู้ติดตั้งหญ้าเทียมก็ต้องเข้ามาเก็บงานก่อนส่งมอบให้ AFC ตามเดดไลน์คือวันที่ 5 ม.ค.
นอกจากนี้ "แฝดใหญ่" กล่าวถึงการโต้ตอบกันระหว่างนักกรีฑาและชาวโซเชี่ยลว่าไม่อยากให้ต่อล้อต่อเถียงกันเพราะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้เห็นด้วยที่ฝ่ายใดจะออกมาโต้ตอบกันไปมา เนื่องจากปัญหามันเกิดมาจากข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องทั้งสิ้น และต้องการให้ผู้ที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาชี้แจงให้ถูกต้อง เพื่อให้สังคมเข้าใจข้อเท็จจริงไม่ใช่การเห็นอะไรแล้วคิดไปเองแล้วนำมาเขียนลงสื่อจนอาจเกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่นได้ และสมาคมกรีฑาฯจะไม่ออกมาชี้แจงอะไรมากไปกว่านี้ กับเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง และระหว่างสมาคมกรีฑาฯกับสมาคมฟุตบอลฯก็เข้าใจกันดีอยู่แล้ว ซึ่งทั้งสองสมาคมไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแม้แต่น้อยเลย