THSPORT Thai League 2020 Player Of The Week ประจำสัปดาห์ที่ 1
11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม ศึกโตโยต้า ไทยลีก 2020 ประจำสัปดาห์ที่ 1
แผนการเล่น : 3-4-3
ประตู : พีระพงษ์ เรือนนินทร์ (สุโขทัย เอฟซี)
"เด เค เอิร์น" เดบิวท์เกมแรกในไทยลีกให้กับ "ค้างคาวไฟ" ได้อย่างไม่มีเคอะเขิน ยืนตำแหน่งถูกทุกจังหวะ โชว์ฟอร์มเซฟทั้งง่ายและยากให้เห็นทั้งเกม แม้จะถูก สุพรรณบุรี ทีมเยือนโหมบุกหนัก แต่ก็ยืนระยะในการป้องกันปากประตูได้ตลอด 90 นาที
กองหลัง : ทิตาวีร์ อักษรศรี (โปลิศ เทโร)
"ปาแป็ง" แฝดผู้พี่ ถูกมอบหมายให้ยืนตำแหน่งแบ็กขวาในการรับมือการเติมเกมของ ศศลักษณ์ ไหประโคน และถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งการป้องกันการครอสจากริมเส้น การสอดซ้อนตำแหน่งกับเกร็ก ฮูล่า และช่วยคู่เซนเตอร์ในการป้องกันการโจมตีทั้งภาคพื้นดินและอากาศ มีจังหวะเติมเกมรุกสวยๆ ให้เห็นด้วย สมกับที่ "โค้ชอ้น" รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เคยกล่าวไว้ว่า "ปาแป็ง" เล่นแบ็คขวาได้ดีไม่แพ้ตำแหน่งเซนเตอร์เลย
กองหลัง : อาริส ซาริโฟวิช (สมุทรปราการ ซิตี้)
ปราการหลังชาวสโลวีเนียน จารึกชื่อทำประตูแรกได้เป็นคนแรกในศึกไทยลีก 2020 ด้วยเวลาไม่ึถึง 3 นาทีเท่านั้น นอกจากทำประตูให้ทีมออกนำก่อนแล้ว เกมป้องกันยังสุดยอดมากๆ โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่เก็บกินได้แทบทั้งหมด อีกทั้งยังขึ้นมากดดันคู่แข่งในจังหวะเซ็ตพีชได้แทบทุกครั้ง ถือเป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของ "เขี้ยวสมุทร" อย่างแท้จริง
กองหลัง : ควอน แด-ฮี (โปลิศ เทโร)
เซนเตอร์เลือดกิมจิ แข็งแกร่งมากในการประกบ แบร์นาโด้ คูเอสต้า จนแทบไม่มีโอกาสง้างเท้ายิงประตู การอ่านทางบอล เกมป้องกัน และการออกบอลจากแนวรับ ทำได้อย่างชาญฉลาด ไม่มีจังหวะผิดพลาดให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ ที่ "มังกรโล่เงิน" เก็บเขาไว้ใช้งานต่อในซีซั่นนี้
กองกลาง : เกร็ก ฮูล่า (โปลิศ เทโร)
ปีกเฟรนช์แมนช่วยเกมรับริมเส้นฝั่งขวาให้ทีมได้บ่อยครั้งมาก รวมถึงใช้ความเร็วความคล่องตัวคอยโจมตี บุรีรัมย์ ด้วยเกมสวนกลับได้น่ารักน่าลุ้นหลายครั้ง บีบไม่ให้ ศศลักษณ์ เติมเกมขึ้นมาได้ถนัดนัก 3 แต้มสำคัญในการคัมแบ็คสู่ไทยลีกของ โปลิศ เทโร เหนือ บุรีรัมย์ เกมนี้ ต้องยกให้เจ้าตัวเป็นแมนออฟเดอะแมตช์เลยด้วยซ้ำไป
กองกลาง : ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด)
"นิว" ใช้ประสบการณ์ที่ผ่านเกมระดับเจลีก กลับมาช่วย "กระต่ายแก้ว" ได้เป็นอย่างมาก ปลอกแขนกัปตันที่สวมอยู่พิสูจน์ให้เห็นด้วยวุฒิภาวะความเป็นผู้นำในหลายๆ สถานการณ์ทั้งตอนตกเป็นรอง จังหวะที่เกมถูกกดดันด้วย VAR จนกระทั่งเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยให้ทีมเก็บ 3 แต้มสุดล้ำค่าเหนือ เมืองทอง ได้สำเร็จ ถือว่าครบเครื่องจริงๆ สำหรับแข้งรายนี้
กองกลาง : เซร์คิโอ ซัวเรซ (การท่าเรือ เอฟซี)
โชว์ลีลาบนผืนฟลอร์แพท สเตเดี้ยมอย่างกับวิ่งเล่นอยู่ที่สนามหญ้าหลังบ้านตัวเอง ทุกอย่างดูง่ายไปหมดเมื่อลูกบอลอยู่ีที่เท้าของดาวเตะสแปนิช นัดนี้โชว์ฟอร์มทั้งยิงทั้งจ่าย ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้เนียนตา เชื่อมเกมจากไลน์กลางสู่ไลน์บน ทั้งการโจมตีแนวลึกและด้านข้าง ควรค่าอย่างยิ่งแก่การถูกเลือกติดทีมยอดเยี่ยมในเกมเปิดสนาม
กองกลาง : บดินทร์ ผาลา (การท่าเรือ เอฟซี)
"โดมมาเรีย" เรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้งด้วยการปล่อยของ จัดแอสซิสต์ให้เพื่อน 2 ลูกแรก ทำให้ทีมคุมสถานการณ์ของเกมได้เหนือกว่า "สวาดแคท" ตั้งแต่ครึ่งแรก จังหวะแรกครอสให้ ซัวเรซโหม่งจ่อๆ แค่หลาเดียว ต่อด้วยการกระชากสุดเส้นและผ่านเลียดให้ เฮแบร์ตี้ สไลด์ตัวยิงจ่อๆ ปีที่แล้วทั้งซีซั่นเจ้าตัว แอสซิสต์ได้แค่ 3 ลูก แต่นี่เพิ่งนัดแรก ก็ทำสถิติแอสซิสต์ไปแล้ว 2 ประตู การแอสซิสต์น่าจะกลายเป็นอาวุธที่เจ้าตัวเพิ่มขึ้นมาให้เป็นนักเตะเกมรุกที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
กองหน้า : วานเดอร์ หลุยส์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
แม้ไม่มีชื่อชึ้นสกอร์บอร์ด แต่ 2 ประตูที่ "แข้งเทพ" ทำได้เหนือ พีที ประจวบ มีจุดเริ่มต้นมาจากแข้งแซมบ้ารายนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นจังหวะจ่ายทะลุช่องให้ ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม หลุดไปยิงประตูเบิกร่อง และเป็นคนจ่ายทะลุให้ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ หลุดขึ้นไปผ่านบอลติดเซฟ ขวัญชัย สุขล้อม และกระดอนขา อดุล หมื่นสมาน เข้าไป ปีนี้หากปรับจูนเรื่องจังหวะการประสานงานกับเพื่อน และการตัดสินใจระหว่างจบเกมหรือผ่านบอลให้เด็ดขาดมากขึ้น เขาจะสร้างอันตรายให้กับแนวรับคู่ต่อสู้ได้อีกมาก ซึ่งจากนัดแรกก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีแล้วว่าปีนี้ วานเดอร์ หลุยส์ น่าจะมีอะไรดีๆ ให้เห็นมากกว่าปีที่ผ่านมา
กองหน้า : เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดซ (การท่าเรือ เอฟซี)
ยืนตำแหน่งถูกที่ถูกเวลาในการเข้าโจมตีในกรอบ 18 หลา 2 ประตูที่ทำได้อาจจะไม่หวือหวามากนักแต่จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเจ้าตัวไม่เคลื่อนที่ไปในจุดนั้นๆ เฮแบร์ตี้ในเวอร์ชั่นสวมยูนิฟอร์ม "สิงห์เจ้าท่า" จะเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราเคยเห็นกันสมัยอยู่กับต้นสังกัดเก่า เพราะไม่ต้องเป็น "เดอะแบก" อีกแล้ว แต่ด้วยองค์ประกอบของทีมท่าเรือ ที่นักเตะทุกคนมีส่วนร่วมในการขึ้นเกมรุก จะทำให้ เฮแบร์ตี้ ทุ่มสมาธิไปเพื่อการจบสกอร์ได้มากยิ่งขึ้นกว่าการต้องถอยลงไปสร้างสรรค์เกมด้วยตัวเองเหมือนอดีตที่ผ่านมา
กองหน้า : แฮร์ริสัน ไคออน (ชลบุรี เอฟซี)
เคลื่อนที่ป่วนแนวรับของระยอง ในกรอบ 18 หลาอยู่ตลอดเวลา เป็นกองหน้าสไตล์ผึ้งงานที่วิ่งทำช่องไม่มีหยุด เป็นคนทำประตูเบิกร่องให้ "ฉลามชล" คว้า 3 แต้ม ในศึกบูรพาดาร์บี้แมตช์ จากจังหวะที่ กฤษดา กาแมน ครอสบอลจากริมเส้นฝั่งขวา ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวกระโดดวอลเลย์ด้วยเท้าขวาตุงตาข่ายอย่างสวยสดงดงาม นอกจากนี้ยังประสานงานกับ ดราแกน บอสโควิช ได้เป็นอย่างดี จนเป็นที่มาของประตูตอกย้ำชัยชนะในช่วงท้ายเกม
เฮดโค้ช : โชคทวี พรหมรัตน์ (การท่าเรือ เอฟซี)
ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นโค้ชที่ทำงานภายใต้ความกดดันมากที่สุดคนหนึ่งในไทยลีก 2020 ด้วยความคาดหวังจากทั้งบอร์ดบริหารและแฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" ที่ปีนี้ตั้งเป้าเล็งคว้าแชมป์ให้ได้ทุกรายการในประเทศ บวกกับตัวผู้เล่นที่ไม่เป็นรองใครทุกๆ ตำแหน่ง ด้วยเม็ดเงินที่ผู้บริหารทุ่มกว้านซื้อนักเตะใหม่เข้ามามากมาย แต่ "โค้ชโชค" สามารถเริ่มต้นซีซั่นด้วยชัยชนะเหนือ "สวาดแคท" ในสกอร์ขาดลอย 4-1 แม้รูปเกมยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไขบ้าง แต่การวางแท็กติกด้วยการเน้นทีมเวิร์คจากผู้เล่นชุดเก่าๆ บวกกับความสามารถเฉพาะตัวของ เฮแบร์ตี้ ที่เข้ามาเติมเต็ม ถือเป็นการเปิดหัวแบบดรีมสตาร์ท ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับทุกคนในทีมได้มากแน่นอน