ระบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : อุกฤษณ์ วงศ์มีมา (ราชบุรี มิตรผล)
โชว์ฟอร์มเซฟลูกสำคัญเอาไว้ได้ตลอดทั้งเกม เมื่อได้ลงเล่นสม่ำเสมอความมั่นใจก็ตามมา เกมนี้แทบไม่มีความผิดพลาดปรากฎ เป็นอีกหนึ่งคีย์แมนสำคัญที่ทำให้ "ราชันมังกร" คว้าชัยเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันในเกมนี้
กองหลัง : ฟิลิปป์ โรลเลอร์ (ราชบุรี มิตรผล)
คาแร็คเตอร์ความเป็นผู้นำมีสูงมากสำหรับดาวเตะลูกครึ่งไทย-เยอรมัน เติมเกมบุกตบอดจนแทบลืมไปเลยว่าเขาคือแบ็คขวา มีส่วนร่วมกับเกมตลอดเวลาทั้งรุกและรับ เป็นศูนย์กลางของทั้งทีมระหว่างตัวไทยและต่างชาติ ปีนี้เขายกระดับขึ้นไปอีกขั้นในทุกๆ สกิล
กองหลัง : สุพรรณ ทองสงค์ (สุพรรณบุรี เอฟซี)
ยืนปักหลักในแนวรับได้อย่างเหนียวแน่นมา 4 เกมติดต่อกันแล้ว "เชน" น่าจะกลายเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับเซนเตอร์ทีมชาติไทย หลังจากที่หายเจ็บกลับมาและแสดงให้เห็นว่าอาการบาดเจ็บทำอะไรเขาไม่ได้เลย นัดนี้เป็นอีกเกมที่เล่นได้ตามมาตรฐานช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีทได้สำเร็จ
กองหลัง : ลูคัส โฮชา (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
ช่วยเก็บกวาดแนวรับไว้ได้หมด ไม่ว่าจะลูกโจมตีภาคพื้นดินหรือทางอากาศ รับมือกับความเร็วและความแข็งแกร่งของตัวรุกชลบุรีทั้ง ดราแกน บอสโควิช และ แฮร์ริสัน ไคออน ได้แบบอยู่หมัด ถือเป็นดีลการเสริมตัวที่สำคัญมากๆ ของ "กิเลนผยอง"
กองหลัง : จิรวัฒน์ ทองแสงพราว (สุพรรณบุรี เอฟซี)
เล่นเกมรับปิดเกมริมเส้นได้อย่างมีวินัย มีจังหวะเติมเกมรุกทางกราบซ้ายได้สวยๆ หลายครั้ง ยึดตำแหน่งตัวจริงในทีม "ช้างศึกยุทธหัตถี" จนแฟนบอลแทบลืม ณัฐพล สมณะ ไปแล้วด้วยซ้ำ สัปดาห์นี้ต้องยกตำแหน่งแบ็กซ้ายยอดเยี่ยมให้เขาไปครอง
กองกลาง : ฮาจิเมะ โฮโซกาอิ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
แม้จะลงมาเป็นตัวสำรอง แต่ ฮาจิเมะ ลงมาพร้อมแรงขับเคลื่อนที่เปลี่ยนโมเมนตัมให้กับเกม ช่วยทั้งจังหวะป้องกันหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง คอยเชื่อมเกมให้เนียนตามากขึ้น มีจังหวะลุ้นทำประตูได้หลายครั้ง และสามารถทำได้ 1 ประตูสุดสำคัญที่เปลี่ยนสถานการณ์ให้ทีมกลับมาขึ้นนำ ก่อนจะชนะไปได้อย่างขาดลอยในท้ายที่สุด
กองกลาง : ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ (บีจี ปทุม)
แม้ไม่ได้เล่นเต็ม 90 นาที แต่ "นิว" มีพลังอย่างมากในการเดินเกมแดนกลางให้กับ "กระต่ายแก้ว" เชื่อมเกมและตัดเกมในแดนกลางได้อย่างมีคุณภาพ ก่อนจะเป็นผู้ซัดประตูชัยให้ทีมเก็บ 3 แต้มเต็มได้ตามเป้า
กองกลาง : วีรเทพ ป้อมพันธ์(เมืองทอง ยูไนเต็ด)
"เตอร์" เจ้าของฉายา "ซ้ายผ่านตลอด" ที่เคยสร้างชื่อในการเล่นฟุตซอลให้กับโรงเรียนปทุมคงคา ใช้เวลา 2 ปีในการขึ้นมาเป็นตัวจริงให้กับ "กิเลนผยอง" และเห็นได้ชัดว่าเมื่อได้ลงบ่อยๆ ทักษะเท้าซ้ายที่เป็นจุดขายของเขาถูกนำมาขัดเกลาและพัฒนาขึ้นมากลายเป็นทีเด็ดให้กับทีมได้ นัดนี้โชว์ลีลากระชากลากเลื้อยป่วนแนวรับของ ชลบุรี ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ มีส่วนร่วมให้ทีมคว้าชัยเก็บ 3 แต้มในศึก "เอลกลาซิโก้เมืองไทย" ได้สำเร็จ
กองหน้า : วานเดอร์ หลุยส์ (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ดาวเตะแซมบ้าถูกถ่างออกไปเล่นเกมรุกริมเส้นมากขึ้น และไม่ต้องถอยลงมาล้วงบอลเยอะเหมือนซีซั่นก่อนๆ ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับฟอร์มของเจ้าตัวอย่างมาก เขามีส่วนร่วมในการสร้างโอกาสปิดสกอร์ได้เยอะมาก ทุกครั้งที่บอลอยู่ที่เท้าของ วานเดอร์ หลุยส์ คู่ต่อสู้ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าทุกครั้ง เกมนี้ชัยชนะเหนือเชียงราย 4-1 ต้องยกเครดิตให้เจ้าตัวไปเยอะๆ เลย
กองหน้า : อาทิตย์ บุตรจินดา (โปลิศ เทโร)
เก็บบอลในแดนหน้าประสานงานกับ กีรติ เขียวสมบัตติ ได้ดี แข็งแกร่งและเชื่อมเกมกับแดนกลางได้ เคลื่อนที่หาที่ว่างพาตัวเองไปมีส่วนร่วมกับเกมได้ตลอด และยิงประตูสุดสวยช่วยให้ "มังกรโล่เงิน" กลับมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง
กองหน้า : วานแดร์เล่ (เมืองทอง ยูไนเต็ด)
หัวใจสำคัญของ "กิเลนผยอง" ในการพิชิตชัยเหนือคู่แข่ง กองหลังหลายๆ ทีมกล่าวตรงกันว่าเขาคือกองหน้าที่รับมือได้ยากที่สุดคนหนึ่งในไทยลีกตอนนี้ ทั้งการเก็บบอล การไปกับบอล และหาจังหวะจบสกอร์ อยู่ในระดับคลาสที่น่าทึ่ง เกมนี้สร้างโอกาสให้ตัวเองได้หลายครั้ง จนกระทั่งมาซัดประตูชัยให้เมืองทองจัดเยียดความปราชัยให้กับ "ฉลามชล" ในท้ายที่สุด
ผู้ฝึกสอน : มาโน่ โพลกิ้ง (แบงค็อก ยูไนเต็ด)
ใจจริงอยากจะยกตำแหน่งนี้ให้โค้ชฟิตเนสคนใหม่ของ "แข้งเทพ" พ่วงไปด้วยเลย เพราะสภาพร่างกายของนักเตะบียู มีความสมดุลตลอด 90 นาทีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และการแก้เกมของ มาโน่ โพลกิ้ง ก็มีส่วนสำคัญมาก ในสถานการณ์ที่ยังเสมอกันอยู่ การเลือกส่ง ฮาจิเมะ โฮโซกาอิ และ สรรวัชญ์ เดชมิตร ลงไปเป็นตัวสำรอง สร้างความแตกต่างให้เกมได้ทันที เทมโป้ของทีมดีขึ้น ซึ่งเกิดมาจากไทม์มิ่งที่เหมาะสมในการปรับเกมของกุนซือลูกครึ่งเยอรมัน-บราซิล ผู้นี้ จนทำให้ทีมพลิกกลับมาถล่มชนะ เชียงราย ขาดลอย 4-1 คว้าชัยเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกันได้เป็นครั้งแรกในการเปิดซีซั่นของสโมสร