โค้ชเคอร์เอาบทเรียนแพ้เลเกอร์สเป็นการบ้านอัพฟอร์มทีม

วอร์ริเออร์ส อุตส่าห์ออกตัวดีกว่าขึ้นนำ 13 แต้มเมื่อจบครึ่งแรก แต่เพราะควอเตอร์เตอร์#3 เสียโอเวอร์ไปถึง 8 ครั้งจาก สเตฟเฟ่น เคอร์รี่ 3 หน, เดรย์มอนด์​กรีน 3 ครั้ง, จอร์แดน พูล กับ แอนดรูว์ วิกกิ้นส์ อีกคนละหน เปลี่ยนเป็น 12 คะแนนให้ ‘ม่วง-ทอง’ จนสามารถกลับสู่เกม กระทั่งยื้อคว้าชัยจากลูกยิง 3-แต้มของ เลอบรอน เจมส์ เพลย์ท้ายๆ 

“เราทราบอยู่แล้วว่าเมื่อกลับมาเริ่มครึ่งหลังคู่แข่งต้องเหยียบคันเร่งใส่แหง ก็คุยไว้ก่อนตอนพักครึ่งว่าพวกเขาเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม พวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางรันคะแนนคืน - แล้วเราก็สร้างงานให้ตัวเอง”การเปิดปากกับ ‘เอ็นบีซี สปอร์ตส์’

https://twitter.com/NBCSWarriors/status/1395245536119336961

“เรื่องเทิร์นโอเวอร์ผมไม่คิดว่าเราถูกดดันให้ต้องทำเสียมากขนาดนั้น มองว่ามันเกิดเพราะขาดการตัดสินใจที่รอบคอบเกี่ยวกับลูกบอล และมันคือจุดเปลี่ยนของเกม” 

ด้าน เคอร์รี่ ที่แม้ทำ 37 แต้มนัดนี้แต่พลาดเสีย 6 เทิร์นโอเวอร์ ไหนจะ เดรย์มอนด์ อีกเพลย์เมกเกอร์ก็มี 6 เทิร์นโอเวอร์ จึงมองว่าความผิดพลาดส่วนนี้คือโจทย์ที่ต้องกลับไปแก้ไขก่อนเพลย์-อินนัดชี้ชะตากับ เมมฟิส กริซซ์ลี่ส์ ผู้ชนะจากกลุ่มล่าง 

รวมถึงเรื่องเสียฟาวล์ง่ายเมื่อคู่แข่งมาท้าชนโดยอาศัยสรีระอันได้เปรียบ วอร์ริเออร์ส ซึ่งเป็นบาสฯตัวเล็ก เน้นไลน์อัพแบบสมอล บอล 

“การที่เราเสียฟาวล์ง่ายต้นครึ่งหลังมันเปลี่ยนการขับเคลื่อนเกมของฝั่งเรา ความลื่นไหลได้ถูกขัดขวาง แทบไม่ได้โอกาสส่อง, สวนทางพวกเขาเดินไปชู้ตโทษเรื่อยๆ จนคืนชีพ” เอ็มวีพีสองสมัยเสริม 

“ก็อย่างที่ผมเรียนไป มันคือโจทย์หินแต่แรก เราทราบว่าพวกเขาคือยอดทีมคงต้องหาทางกลับมารันคะแนน แต่เราก็ไม่ควรไปเล่นให้สถานการณ์เข้าทางคู่แข่งแบบนั้น”  

วอร์ริเออร์ส จะได้เปิด เชส เซนเตอร์ เล่นชิงตั๋วเพลย์ออฟใบสุดท้ายกับ กริซซ์ลี่ส์ ศุกร์นี้ (21 พ.ค.) ก็ดูแล้วไม่ง่ายเพราะทีม ‘หมีดุ’ เป็นบาสฯคนหนุ่มบ้าพลัง แถมหน่วยก้านดี แบบที่ ‘สะพานทอง’ มองเป็นของแสลง