เซลติกส์ฮึดตามตีเสมอ3-3ลากฮีตชี้ชะตาเกม7
เจย์เลน บราวน์ ร่วมยินดีกับ เดอร์ริค ไวท์ หลังชู้ตทำคะแนนให้ บอสตัน เซลติกส์ แซงชนะ ไมอามี่ ฮีต เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีโอกาสกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอที่พลิกสถานการณ์กลับมาจากเป็นฝ่ายตามหลัง 0-3 เกมซีรี่ส์
เดอร์ริค ไวท์ การ์ดวัย 28 ปีรีบาวน์ดเกมบุกก่อนชู้ตทำคะแนนให้ บอสตัน เซลติกส์ แซงเชือด ไมอามี่ ฮีต 104-103 เมื่อวันเสาร์ที่่ผ่านมาตามตีเสมอ 3-3 เกมซีรี่ส์ลากการชิงแชมป์ฝั่ง อีสเทิร์น คอนเฟอเรนซ์ ไปตัดสินกันที่ ทีดี การ์เด้น ในวันจันทร์นี้ ตามรายงานจากอีเอสพีเอ็น
เจย์สัน เททั่ม ทำ 31 คะแนน, 12 รีบาวน์ด, 5 แอสซิสต์, 1 สตีล กับ 2 บล็อค, เจย์เลน บราวน์ ทำ 26 คะแนน, 10 รีบาวน์ด, 3 แอสซิสต์ กับ 2 สตีล, มาร์คัส สมาร์ท ทำ 21 คะแนน รวมถึงการชู้ตระยะ 3 แต้มลง 4 จาก 11 ครั้ง ส่วน ไวท์ ทำ 11 แต้ม ซึ่งรวมถึงการชู้ต 2 คะแนนสำคัญช่วงวินาทีสุดท้ายของเกมนำ เซลติกส์ ขยับเข้าใกล้การคัมแบ็กครั้งประวัติศาสตร์ในรอบเพลย์ออฟของ เอ็นบีเอ
'เดอร์ริค ไวท์, ราวกับแสงสว่างวาบ โผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้และช่วยชีวิตผู้คนไว้' บราวน์ กล่าวถึงเพื่อนร่วมทีม 'การเล่นที่น่าเหลือเชื่อ'
ไวท์ กลายเป็นผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ของ เอ็นบีเอ ที่สร้างเสียงฮือฮาเมื่อทีมของเขาตามหลังและสุ่มเสี่ยงต่อการตกรอบ ก่อนการ์ดวัย 28 ปีจะชู้ตทำคะแนนสำคัญเหมือน ไมเคิ่ล จอร์แดน ตำนานของ ชิคาโก้ บูลล์ส ทำได้ในเกมกับ คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส เมื่อปี 1989
'ผมแค่มีความสุข' ไวท์ กล่าว 'ฤดูกาลมาถึงแล้ว เราไม่อยากกลับบ้าน'
เซลติกส์ กลายเป็นทีมที่ 4 ของเอ็นบีเอที่ตามหลังซีรี่ส์ 0-3 และลากไปตัดสินในเกมที่ 7 ตามรอย นิวยอร์ค นิคส์ ในรอบชิงชนะเลิศเอ็นบีเอปี 1951, เดนเวอร์ นักเก็ตส์ ในเพลย์ออฟรอบ 2 ปี 1994 และ พอร์ทแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส ในเพลย์ออฟรอบแรกปี 2003 แต่ทั้งหมดต่างพ่ายแพ้ในเกม 7 ที่เล่นนอกบ้าน ทว่า เซลติกส์ จะกลับมาเล่นในถิ่นวันจันทร์เพื่อตัดสินผู้ชนะไปพบกับ นักเก็ตส์ ในรอบชิงฯเกมแรกวันพฤหัสฯนี้
TH SPORTเว็บไซต์ข่าวกีฬา อัพเดทข่าวบาสเกตบอลNBAทุกวันทุกเวลา