เบอร์โรว์เผยมีมุมมองเกี่ยวกับการบาดเจ็บต่างจากเดิม

โจ เบอร์โรว์ ควอร์เตอร์แบ็กวัย 27 ปีของ ซินซินเนติ เบงกอลส์ เปิดเผยว่าเขามีมุมมองเกี่ยวกับการบาดเจ็บเปลี่ยนไปจากเดิม หลังถูกอาการบาดเจ็บเล่นงานในช่วงการเล่นอาชีพ 4 ปีแรก ล่าสุดคือเอ็นข้อมือขวาฉีกขาดจนต้องปิดฉากซีซั่น 2023 ก่อนเวลาอันควรและตอนนี้กำลังฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจในเวลาเดียวกัน ตามรายงานจากเอ็นเอฟแอลเน็ตเวิร์ค

'เมื่อใดก็ตามที่การบาดเจ็บเริ่มกองขึ้นมา การตายของฟุตบอลของคุณนั้นจะอยู่ในใจคุณ' เบอร์โรว์ กล่าวหลังการฝึกซ้อมในมินิแคมป์ 'นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไว้อย่างแน่นอนและเป็นสิ่งที่ผมต้องต่อสู้เพื่อผ่านมันไป'

เบอร์โรว์ ยังคงต้องฟื้นฟูข้อมือขวาต่อไป แต่มั่นใจว่าจะกลับมาทันลงเล่นช่วงเปิดฤดูกาล แม้มันยากที่จะบอกว่าตอนนี้สภาพร่างกายเขาอยู่ในระดับกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม 

ก่อนหน้านี้ทั้งเฮดโค้ช แซ็ค เทย์เลอร์ และโค้ชทีมบุก แดน พิตเชอร์ ต่างไม่กำหนดขอบเขตและจำนวนการขว้างบอลที่ เบอร์โรว์ ได้รับอนุญาตให้ทำ แต่พวกเขาจะไม่เร่งรัดให้ควอร์เตอร์แบ็กวัย 27 ปีฝึกซ้อมเกินความจำเป็น

'นั่นคือสิ่งที่เรากำลังดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นในปีนี้' เบอร์โรว์ กล่าว 'เราไม่จำเป็นต้องพร้อมไปในช่วงกลางเดือนมิถุนายน เราต้องพร้อมไปในช่วงต้นเดือนกันยายนถึงกุมภาพันธ์ นั่นคือวิธีที่เราโจมตีช่วงปิดฤดูกาลนี้และแผนฟื้นฟูนี้ ตลอดจนการฝึกซ้อมเหล่านี้และเทรนนิ่งแคมป์ เรากำลังโจมตีมันเหมือนกับว่าผมอยากจะออกไปเล่นที่นั่นในเดือนกุมภาพันธ์'

เมื่อถูกถามว่าการบาดเจ็บส่งผลกระทบต่อจิตใจและร่างกายของเขาแค่ไหน เบอร์โรว์ ตอบว่า 'คุณมักจะลืมไปว่ามันยากแค่ไหนที่จะกลับมาจากการบาดเจ็บ นั่นคือทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น'

'มักจะมีจุดสูงสุดที่คุณพูดว่า 'ผมรู้สึกดีมาก' และอีก 2-3 เดือนถัดมา คุณจะมีเวลา 2-3 วันแบบว่า 'ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก' ในอดีตผมผลักดันสิ่งนั้นและสร้างปัญหาให้ตัวเอง และปีนี้ ผมจะไม่ทำอย่างนั้น'

'เมื่อใดก็ตามที่คุณต่อสู้ผ่านความทุกข์ยากและออกมาอีกด้านหนึ่ง มันจะทำให้คุณรู้สึกว่าอยู่ยงคงกระพันในบางครั้ง แต่เห็นได้ชัดว่าคุณรู้ดีว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงต้องรักษาความสมดุลเสมอ' 

'นั่นคือสิ่งที่ในช่วงปิดฤดูกาลนี้เกี่ยวกับผม มันไม่ได้ผ่านบางอย่างที่ผมเคยผ่านมาในอดีต ผมภูมิใจในตัวเองเสมอในความแข็งแกร่งทางจิตใจของผมที่สามารถผ่านความเจ็บปวดและการบาดเจ็บเหล่านั้นมาได้ และนั่นคือการเติบโตของผมในช่วงปิดฤดูกาลนี้ ถอยกลับไปหนึ่งก้าวและทำความเข้าใจคุณค่าของผมที่มีต่อองค์กรและทีม'