เฮิร์ตส์คว้าเอ็มวีพีหลังนำอีเกิ้ลส์ฟาดแชมป์ซูเปอร์โบวล์

เจเลน เฮิร์ตส์ ควอร์เตอร์แบ็ก ฟิลาเดลเฟีย อีเกิ้ลส์ คว้ารางวัลเอ็มวีพี ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 59 หลังการนำทีมฟิลลี่สยบ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ 40-22 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามรายงานจากอีเอสพีเอ็น

เฮิร์ตส์ เคยเป็นแบ็คอัพของ ทูอา ทาโกไวลัว ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันที่ แอลาบามา ได้พูดถึงเส้นทางสู่การคว้าแชมป์ ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งแรกของเขาว่า 'มันเป็นการเดินทางที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย การเดินทางนี้มักจะเป็นจุดเริ่มต้นจนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุด และผมคิดว่ามันมีความหมายมาก การเดินทางครั้งนี้มีทั้งขึ้นและลง มีทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด'

จอมทัพ อีเกิ้ลส์ ขว้างคอมพลีต 17 จาก 22 ครั้ง ระยะ 221 หลา ทำ 2 ทัชดาวน์ เสีย 1 อินเตอร์เซปน์ เขาถือบอลวิ่ง 11 ครั้ง ระยะ 72 หลาและทำอีก 1 สกอร์ นำทีมฟิลลี่ล้างตาสำเร็จ หลังเคยพ่ายทัพหัวหน้าเผ่าในเกม ซูเปอร์ โบวล์ เมื่อ 2 ปีก่อน 35-38 

เฮิร์ตส์ ออกจากเกมท่ามกลางเสียงปรบมือขณะเหลือเวลา 2.52 นาที ขณะนำห่าง 40-14 โดยมี เคนนี่ พิคเก็ตต์ ควอร์เตอร์แบ็กแบ็คอัพลงเล่นในช่วงเวลาที่เหลือ

'เขาเล่นได้อย่างเหลือเชื่อ' เอ.เจ.บราวน์ ปีกนอก อีเกิ้ลส์ กล่าวถึง เฮิร์ตส์ 'เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม เขานิ่งตลอดทั้งเกม เขาควบคุมเกมได้ เขาคอยตรวจสอบและขว้างบอล เขาแค่ให้โอกาสเรา และเมื่อเราถูกปิดล้อมเล็กน้อย เขาก็วิ่งออกไป เขาใช้ขาของเขา'

เฮิร์ตส์ เป็นควอร์เตอร์แบ็กคนแรกที่ถือบอลวิ่งมากสุดในเกม ซูเปอร์ โบวล์ แซงหน้า สตีฟ ยัง หลังถือวิ่ง 70 หลาในเกม ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งที่ 57 และทำระยะ 72 หลาในเกม ซูเปอร์ โบวล์ ครั้งล่าสุด และเป็นควอร์เตอร์แบ็กคนเดียวที่ถือบอลวิ่งมากกว่า 50 หลาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในเกม ซูเปอร์ โบวล์ เขายังเป็นผู้เล่นคนแรกที่ขว้างทำอย่างน้อย 5 ทัชดาวน์และถือบอลวิ่งทำอย่างน้อย 5 ทัชดาวน์ในช่วงโพสต์ซีซั่น 

ขณะเดียวกันผู้เล่นเกมป้องกันของ อีเกิ้ลส์ หลายคนที่ทำผลงานโดดเด่นจนมีโอกาสลุ้นรางวัลเอ็มวีพีเช่นเดียวกัน ทั้ง จอช สวีต ดีเฟนซีฟเอนด์ที่ทำ 2.5 แซ็ค, มิลตัน วิลเลียมส์ ดีเฟนซีฟแท็คเกิ้ลทำ 2 แซ็ค, แซ็ค บอน ไลน์แบ็กเกอร์ทำ 1 อินเตอร์เซปน์ และ คูเปอร์ เดอฌอน คอร์เนอร์แบ็กรุคกี้ที่ทำ 'พิค-ซิกซ์'

'ทีมบุกทำคะแนนได้และใช้ประโยชน์จากโอกาสได้เพียงพอที่จะทำคะแนนได้ และเกมป้องกันก็เล่นได้อย่างเต็มที่' เฮิร์ตส์ กล่าว 'พวกเขาเล่นได้เหมือนที่เล่นมาตลอดทั้งปี ผมเชื่อจริงๆว่าทีมบุกชนะเกมได้ และเกมป้องกันก็คว้าแชมป์ได้'

ส่วน แพทริค มาโฮมส์ ควอร์เตอร์แบ็ก ชีฟส์ ต้องดิ้นรนตลอด 3 ควอเตอร์แรกและถูกแซ็คถึง 6 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในอาชีพของเขา พร้อมทำเสียฟัมเบิ้ลและเสีย 2 อินเตอร์เซปน์ 

'ทุกอย่างมาตรงเวลา คราวก่อนไม่ใช่เวลาของเรา ไม่ใช่เวลาของผม' เฮิร์ตส์ กล่าว 'บางครั้งคุณต้องยอมรับว่าคุณต้องรอเวลาของคุณ แม้ว่าฟอร์มการเล่นจะยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ตาม แต่มันไม่เพียงพอที่จะชนะ การผ่านอารมณ์เหล่านั้นและการประมวลผลสิ่งต่างๆ ประสบการณ์เหล่านั้นจุดประกายไฟอันยิ่งใหญ่ในตัวผมและเพิ่มความปรารถนาที่จะชนะ'