หนึ่งทศวรรษที่แล้ว ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีหนึ่งในเกมที่่ถูกจดบันทึกสถิติลงในพรีเมียร์ลีก และถูกจดบันทึกลงในความทรงจำของแฟนบอล
22 พฤศจิกายน 2009 เจอร์เมน เดโฟ ใช้เวลาเพียง 7 นาทีซัลโวแฮตทริก และจบเกมด้วยการยิงคนเดียว 5 ประตู ในชัยชนะที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน เหนือ วีแกน แอธเลติก 9-1
79 ประตู จาก 186 เกมกับ ท็อตแน่ม ทำให้ เดโฟ กลายเป็นที่รักของแฟนๆ เป็นอย่างมาก แม้ตลอด 6 ปี มีเพียงแชมป์ลีกคัพใบเดียวในฤดูกาล 2007-08 แต่ก็คงไม่กระดากปาก หากจะเรียก 'เจดี' ว่าตำนานของสโมสร
"เมื่อสิบปีที่แล้ว นั่นมันบ้ามากๆ" เดโฟ เอ่ยถึงความทรงจำในเกมนั้น
"ผู้คนมักส่งวีดีโอมาให้ผมดู (ทางโซเชียลมีเดีย) อยู่ตลอดเวลา มันเด้งขึ้นมาใน อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์, ยูทูป ผมย้อนกลับไปดูประตูเหล่านั้นอีกครั้ง ผมชื่นชอบทุกประตู"
"แล้วคุณรู้อะไรมั้ย? เมื่อผมย้อนกลับไปดูเกมนั้นเมื่อไหร่ ผมนึกออกทันทีเลยว่าผมรู้สึกอย่างไรตอนที่ทำประตูได้ในแต่ละลูก"
ประตูแรกของเกม กลายเป็นประตูเดียวในครึ่งแรกที่มาจากศีรษะของ ปีเตอร์ เคร้าช์ ตั้งแต่ 9 นาทีแรก
พอเข้าสู่ครึ่งหลัง ประตูของ ท็อตแน่ม ไหลมาเทมา เดโฟ ยิงสองประตูติดๆ นาที 51 และ 54 ก่อนที่ พอล ชาร์เนอร์ ยิงไล่มาให้ วีแกน ตามห่างๆ 1-3
จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ ท็อตแน่ม รัวใส่อีกครึ่งโหล เดโฟ กดอีกสามในนาที 58, 69 และ 87 ตามด้วย เดวิด เบนท์ลี่ย์ นาที 88 และ นิโก้ ครานชาร์ นาทีสุดท้าย
จาก 5 ประตูของ เดโฟ กลายเป็นสถิติยิงประตูมากสุดในพรีเมียร์ลีกเกมเดียว ร่วมกับ แอนดี้ โคล, อลัน เชียเรอร์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ เซร์คิโอ อเกวโร่
แต่ เดโฟ เป็นคนเดียวที่ครองสถิติยิง 5 ประตูในครึ่งเวลาเดียว (ครึ่งหลัง)
"ผมชอบย้อนกลับไปดูเกมนั้นอยู่บ่อยๆ คุณไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าคุณจะยิงถึงห้าประตูในเกมเดียว"
"ตอนที่ผมยิงประตูที่ห้า สิ่งแรกเลยที่แวบเข้ามาอยู่ในหัวก็คือ ต้องการประตูที่หก"
"ผมเป็นผู้เล่นเพียงคนที่สามที่ทำได้ในพรีเมียร์ลีก ก่อนหน้านั้นมี แอนดี้ โคล ทำได้คนแรก แล้วก็เป็น อลัน เชียเรอร์ จากนั้นถึงเป็นผม แล้วก็ตามด้วย เบอร์บา (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ) กับ เซร์คิโอ อเกวโร่"
สถิติยิงคนเดียว 5 ประตูในเกมพรีเมียร์ลีกเกมเดียว เริ่มขึ้นจาก แอนดี้ โคล ในเดือนมีนาคม ปี 1995 เป็นเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถล่ม อิปสวิช 9-0
ให้หลังนั้น 4 ปีกับอีก 6 เดือน อลัน เชียเรอร์ ก็ทำทาบสถิติดังกล่าวดูบ้าง เมื่อซัลโว 5 ดอกในเกมที่ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ไล่อัด เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ 8-0
และหลังจากผลงานของ เดโฟ ก็ถึงคิวของ ดิมิบาร์ เบอร์บาตอฟ ในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นในโรงละครแห่งความฝัน รัวใส่ แบล็คเบิร์น 7-1
จนมาถึงเจ้าของสถิติร่วมคนล่าสุด เซร์คิโอ อเกวโร่ กด 5 ประตูในชัยชนะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่ม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 6-1
"เมื่อผมกลับไปดูประตูเหล่านั้น มันคล้ายๆ กันเลย จังหวะดวลกับผู้รักษาประตู เหลือแค่การสังหารเท่านั้น ผมซ้อมเรื่องพวกนี้วันแล้ววันเล่ามาหลายต่อหลายปีแล้ว"
"ผมดูเกมฟุตบอลทุกวันนี้แล้วอยากบอกพวกนักเตะหนุ่มๆ ว่า ถ้าคุณฝึกซ้อมอย่างหนักแล้ว พออยู่ในเกม มันจะเป็นธรรมชาติมาก"
"การจบสกอร์จะมาจากสัญชาติญาณล้วนๆ ทันทีที่คุณอยู่ในสถานการณ์นั้น คุณจะรู้ทันทีว่าคุณต้องทำอะไร โดยไม่ต้องมาเสียเวลาคิด"
เดโฟ ยังต้องเอ่ยปากชื่นชม อารอน เลนน่อน ปีกขวาตัวจี๊ดที่ปั้นเกมรุกและแอสซิสต์สวยๆ เป็นการเล่นที่แสดงถึงความเข้าขารู้ใจกันเป็นอย่างดี
"อัซซ่า (อารอน เลนน่อน) ก็เล่นได้น่าทึ่งมาก เขาจัดการตัวเองมาอยู่ในจุดที่สามารถครอสบอลได้ เขาแค่เหลือบมองดูหน่อยว่าผมอยู่ตรงไหน"
"ผมเคยบอกเขาไปว่า อัซซ่า พยายามส่งสายตากับผมหน่อย และเมื่อเขาทำเช่นนั้น เรารู้ทันทีว่าต่างต้องทำอย่างไร นั่นจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดายไปหมด"
"เมื่อการเคลื่อนที่ของคุณลงล็อก คุณหาพื้นที่ว่างได้ จากนั้นก็เหลือแค่ 'ปุ้ง'"
"มันยากเสมอกับการยิงประตูในพรีเมียร์ลีก และเมื่อเราเอาชนะ วีแกน 9-1 ที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน 9 ประตูเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ"
"ในฐานะนักเตะ คุณไม่เคยคิดหรอกว่าคุณจะชนะคู่แข่ง 9-1 และยิงคนเดียว 5 ประตู คุณอาจคิดแค่ ผมรู้สึกดีจริงๆ ผมชอบการทำแฮตทริกได้ แต่การยิง 5 ประตูที่ เดอะ เลน นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุด"
"ผมเต็มไปด้วยอารมณ์ร่วมในเกม ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองหยุดยิงไม่ได้ ผมรู้สึกว่ามันเป็นบางสิ่งที่พิเศษมากที่เกิดขึ้น หากคุณเก็บกดความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ แล้วระเบิดมันออกมาทุกครั้งในเกม"
ถึงตอนนี้ เดโฟ อยู่ในวัย 37 ปี เป็นช่วงเวลาที่เพื่อนร่วมอาชีพหลายคนแขวนสตั๊ดกันไปหมดแล้ว แต่ 'เจดี' ยังคงความเฉียบคมเอาไว้โชว์ในสกอตติช พรีเมียร์ชิพ หลังจากซัลโว 10 ประตูจาก 10 เกมลีกซีซั่นนี้ และเป็น 13 ประตูจาก 18 เกมรวมทุกรายการ
และไม่แน่ว่านี่อาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ เจอร์เมน เดโฟ ก่อนแขวนสตั๊ด หรือยังพอเล่นอีกหนึ่งหรือปีต่อจากนี้ไหว