เหลืออีกเพียงไม่กี่วัน ตลาดซื้อขายหน้าหนาวก็จะเปิดทำการกันแล้ว ตลาดซื้อขายที่ทุกสโมสรต่างทราบดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ 'บิ๊กดีล'
หลายปีมานี้ หลายสโมสรยักษ์ใหญ่มักไม่ค่อยขยับเขยื้อนตัวในช่วงตลาดวินเทอร์ ยกเว้นแต่ว่ามีความจำเป็นจริงๆ อย่างในปีนี้ ลิเวอร์พูล กำลังจะสอยตัวแรกอย่างรวดเร็ว ทาคูมิ มินามิโนะ ตัวรุกทีมชาติญี่ปุ่นจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เพราะค่าฉีกสัญญาที่ถูกแสนถูก
ทศวรรษที่ 2010 กำลังจะผ่านพ้นไป บรรดาสโมสร 'บิ๊ก 6' พรีเมียร์ลีก ต่างมีความทรงจำ ทั้งที่ดีและเลวร้ายในตลาดซื้อขายช่วงต้นปี และนี่คือการรวบรวมที่สุดของการเสริมทัพทั้งที่ 'สมหวัง' และ 'ผิดหวัง' นับตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11 เป็นต้นมา ของ 6 สโมสร ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล
ลิเวอร์พูล
สมหวัง (มกราคม 2011)
ใครๆ อาจคิดถึงการเสริมทัพเดือนมกราคม ปี 2018 ที่กลายเป็นสถิติกองหลังแพงสุดในโลก (ก่อนถูกทำลาย) ของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เพราะเซนเตอร์แบ็กทีมชาติฮอลแลนด์กลายเป็นตัวหลักคนสำคัญของทีม และมีส่วนนำทีมฉลองแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างยิ่งใหญ่ฤดูกาลที่แล้ว
หรือจะเป็นปี 2013 ที่เซ็นสัญญา ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จาก อินเตอร์ มิลาน ราคาเพียง 8.5 ล้านปอนด์ ก่อนทำให้กลายเป็นเงิน 105 ล้านปอนด์ ในอีก 5 ปีต่อมา ตอนที่ขายไปให้ บาร์เซโลน่า เป็นการทำกำไรมากเกิน 12 เท่า
แต่จริงๆ แล้ว การเซ็นสัญญาเดือนมกราคมที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ เกิดขึ้นซีซั่น 2010-11 ตอนที่ดึงตัว หลุยส์ ซัวเรซ มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในราคา 22.7 ล้านปอนด์ แม้มีแชมป์เดียวคือ ลีกคัพ ในฤดูกาลถัดมา แต่ศูนย์หน้าอุรุกวัยตะบันไปทั้งสิ้น 82 ประตู จาก 133 เกม ที่รับใช้ทีมดังในเมอร์ซี่ย์ไซด์ โดยเฉพาะซีซั่น 2013-14 ที่ครองดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และเกือบจะพาทีมสัมผัสโทรฟี่พรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว
ผิดหวัง (มกราคม 2011)
ชื่อของ แอนดี้ แคร์โรลล์ ยังคงตามหลอกหลอนแฟนๆ ลิเวอร์พูล จนถึงเวลานี้ เพราะจำนวนเงินกว่า 35 ล้านปอนด์ที่ หงส์แดง ยอมจ่ายให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กลายเป็นการทิ้งเงินลงแม่น้ำ ชนิดที่ไม่ได้อะไรตอบแทน
แม้ช่วงครึ่งซีซั่นแรกในถิ่น แอนฟิลด์ มี 2 ประตูจาก 7 เกมพรีเมียร์ลีก แต่พอเข้าสู่ฤดูกาลที่สอง แคร์โรลล์ มีเพียง 4 ประตูจาก 35 เกมพรีเมียร์ลีก เป็นการยืนยันว่าศูนย์หน้าจอมโหม่งต้องเก็บข้าวของอำลาทีมแน่ เพราะสไตล์การเล่นที่ไม่ได้เข้ากับระบบการเล่นของทีมเลย โดยเฉพาะการเล่นชิ่ง ต่อบอลสั้นๆ ที่เป็นจุดอ่อน
ขณะที่ แคร์โรลล์ รอบอลครอสจากริมเส้น หรือลูกวางยาวๆ มาให้พักบอล แต่แนวทางการเล่นของ หงส์แดง ไม่ตอบสนองความต้องการของศูนย์หน้าจอมโหม่ง สุดท้ายก็ต้องยอมเสียเปล่าค่าโง่ 35 ล้านปอนด์
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สมหวัง (มกราคม 2011)
เรือใบสีฟ้า มักไม่ค่อยเสริมทัพสักเท่าไหร่ในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคม อย่างในช่วงสามฤดูกาลก่อนหน้านี้ก็มีเพียง กาเบรียล เชซุส กับ อายเมริก ลาปอร์เต้ เข้ามาเสริมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในช่วงกลางซีซั่น
การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในเดือนมกราคมจึงต้องย้อนกลับไปในฤดูกาล 2010-11 ตอนที่จ่าย 27 ล้านปอนด์ซื้อ เอดิน เชโก้ ศูนย์หน้าบอสเนียมาจาก โวล์ฟสบวร์ก หลังจากสร้างชื่อด้วยการพาทีมในฐานะม้ามืดคว้าแชมป์บุนเดสลีกาซีซั่น 2008-09 มาครองอย่างไม่น่าเชื่อ
เข้าสู่ฤดูกาลที่สองแบบเต็มตัวในถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เชโก้ กดไป 14 ประตูจาก 30 เกมพา เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1967-68 จากนั้นอีกสองฤดูกาล ศูนย์หน้าบอสเนียก็ทำอีก 16 ประตูจาก 31 เกม กลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่สองของตัวเอง
ผิดหวัง (มกราคม 2015)
25 ล้านปอนด์ ถูกจ่ายให้กับกองหน้าที่มีโพรไฟล์ ดาวซัลโวเอเรดิวิซี่ และนักเตะยอดเยี่ยมลีกฮอลแลนด์ ฤดูกาล 2012-13 และย้ายมายิงแหลก 34 ประตูจาก 70 เกมกับ สวอนซี ในช่วงเวลาเพียงฤดูกาลครึ่งเท่านั้น
การมาของ วิลฟรีด โบนี่ จึงเป็นการมาพร้อมกับความหวังที่จะเห็น ดีดีเยร์ ดร็อกบา คนใหม่ของเวทีพรีเมียร์ลีก แต่เพียงแค่ครึ่งทางของซีซั่นแรกในชุด เรือใบสีฟ้า มีเพียง 2 ประตูจาก 12 เกม และซีซั่นถัดมา ได้ลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีกไป 26 เกม มีเพียง 4 ประตู
ไม่เพียงแค่ยังไม่ดีพอสำหรับทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ โบนี่ ถือว่า 'ห่วยแตก' เข้าขั้น เพราะนอกจากเรื่องคลำเป้าไม่เจอแล้ว การมีส่วนร่วมกับทีมก็ถือว่า 'สอบตก' เช่นเดียวกัน
เชลซี
สมหวัง (มกราคม 2012)
เราได้เห็นนักเตะมากหน้าหลายตาผ่านเข้ามาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่หลายคนก็ต้องเดินออกไป ชนิดที่ได้พิสูจน์ตัวเองเพียงน้อยนิด เพราะการแข่งขันในทีม เชลซี ตลอดทศวรรษที่่ผ่านมามีสูงมาก
เควิน เดอ บรอยน์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ฮวน กวาดราโด้ คือส่วนหนึ่งของนักเตะที่ย้ายเข้าสู่ เชลซี ในเดือนมกราคม แต่การได้รับโอกาสไม่มาก บวกกับโชว์ผลงานไม่ออก ทำให้พวกเขาเหล่านั้น ต้องอพยพไปอยู่ทีมอื่น ก่อนจะกลายเป็นดาวเด่นระดับโลกในปัจจุบัน
ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา การเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดในเดือนมกราคมจึงเป็นของ แกรี่ เคฮิลล์ ที่ย้ายจาก โบลตัน วันเดอเรอร์ส มาในราคาเพียง 7 ล้านปอนด์ และกลายเป็นเซนเตอร์แบ็กตัวหลักของทีมในเวลาต่อมา ที่สำคัญคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ร่วมกับทีมครบ ไม่ว่าจะเป็น พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ, แชมเปี้ยนส์ลีก และ ยูโรปาลีก
ผิดหวัง (มกราคม 2011)
การเซ็นสัญญาสุดช็อกเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2011 เมื่อมีการประกาศว่า เชลซี ยอมจ่ายค่าตัวเป็นสถิติสโมสร 50 ล้านปอนด์ ซื้อ เฟร์นานโด ตอร์เรส ศูนย์หน้าสุดรักสุดหวงของเหล่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล
81 ประตูจาก 142 เกมในช่วงเวลาสามฤดูกาลครึ่งในถิ่น แอนฟิลด์ เหลือเพียง 45 ประตูจาก 172 เกม ตลอดสามฤดูกาลครึ่งเท่ากันในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ สิ่งที่ขาดหายไปมากกว่าจำนวนประตู นั่นคือเรื่องของความมั่นใจในตัวเองที่หดหายไปอย่างชัดเจน และทุกอย่างก็ถูกแสดงออกมาผ่านทางสีหน้า
ตอร์เรส ไม่มีทางกลับเป็นคนเดิมสมัยสวมชุด ลิเวอร์พูล อีกเลย ไม่ว่าจะกับสโมสร เอซี มิลาน (ยืมตัว), แอตเลติโก มาดริด (รอบสอง) และการตะลุยเจลีกกับ ซางัน โทสึ
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
สมหวัง (มกราคม 2015)
สเปอร์ส เป็นอีกหนึ่งสโมสรที่ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายนักเตะสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนมกราคม ที่คนสุดท้ายที่ย้ายเข้ามาคือ ลูคัส มูร่า จาก ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ในปี 2018
ความสำเร็จในตลาดซื้อขายปีใหม่ จึงเป็นตอนที่เซ็นสัญญากับ เดเล่ อัลลี ในฤดูกาล 2014-15 แต่ช่วงเวลานั้นยังไม่สามารถใช้งานได้ในทันที เพราะสัญญาระบุเอาไว้ว่า สเปอร์ส จะปล่อยตัวให้ เอ็มเค ดอนส์ ยืมใช้งานในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล กว่าจะมารายงานตัวกับ ไก่เดือยทอง ก็เดือนกรกฏาคม หรือช่วงปรีซีซั่น ก่อนเข้าสู่ซีซั่นใหม่ 2015-16 แบบเต็มตัว
ผิดหวัง (มกราคม 2013)
ด้วยความที่เสริมทัพน้อยในเดือนมกราคม ทำให้การมองหานักเตะที่น่าผิดหวังกลายเป็นเรื่องยาก แต่ก็ได้บทสรุปไปที่ เซกี้ ฟรายเออร์ส อดีตแบ็กซ้ายเด็กปั้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ สเปอร์ส เจียดเบาๆ 3 ล้านปอนด์ ซื้อมาจาก สต็องดาร์ ลีแอช ช่วงเดือนแรกของปี 2013 แต่ก็ได้ลงเล่นไม่มาก
ฟรายเออร์ส ได้ลงเล่นไปเพียง 16 เกมรวมทุกรายการ ตลอดฤดูกาล 2013-14 โดยที่พิสูจน์ตัวเองไม่ได้ สุดท้าย สเปอร์ส ก็ต้องยอมปล่อยต่อไปให้ คริสตัล พาเลซ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
สมหวัง (มกราคม 2014)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทบไม่ค่อยเสริมทัพในช่วงตลาดวินเทอร์ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล, โชเซ่ มูรินโญ่ หรือแม้แต่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ดังนั้นนักเตะที่ดีที่สุดจากตลาดมกราคมในรอบทศวรรษที่ 2010 จึงตกเป็นของ ฆวน มาต้า ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมจ่ายแพงถึง 37.1 ล้านปอนด์ ซื้อมาจาก เชลซี เดือนมกราคมปี 2014 ซีซั่นแรกและซีซั่นเดียวของ มอยส์
มาต้า ทำไป 6 ประตูจาก 15 เกมในครึ่งซีซั่นแรก จากนั้นก็ยิงแตะหลัก 10 ประตูมาสามฤดูกาลติดต่อกัน ก่อนที่ฝีเท้าจะตกลงไป จนต้องนั่งสำรองบ่อยขึ้น แต่สิ่งที่ มาต้า ไม่ได้มีลดลง คือการเป็นขวัญใจแฟนบอลของทีม
ผิดหวัง (มกราคม 2018)
ฤดูกาลสุดท้ายของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดการซื้อล่วงหน้า วิลฟรีด ซาฮา ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2013 เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่ผู้จัดการทีมคนต่อไป ซึ่งก็คือ มอยส์ แต่กลายเป็นการเสริมทัพคุณภาพต่ำของทีม
การได้เห็น ซาฮา กระชากลากเลื้อยในชุด ผีแดง ทำให้นึกย้อนกลับไปถึง เบเบ้ ที่มีสภาพห่วยแตกพอกัน แต่พอหลังจาก 5 ปีผ่านไป การเซ็นสัญญาที่น่าผิดหวังก็เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงเวลาของ มูรินโญ่
ด้วยความที่อยากเซ็น อเล็กซิส ซานเชซ ตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนตัวสั่น สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องยอมเสียค่าโง่ในราคาที่แพงกว่าปกติ ทั้งที่ศูนย์หน้าชิลีเหลือสัญญากับ อาร์เซน่อล อีกเพียง 6 เดือนสุดท้าย
จากเพชรเม็ดงามของ ปืนใหญ่ กลายเป็นขยะเปียกของ ผีแดง ที่ไม่มีใครต้องการ และต้องยอมโละทิ้ง
อาร์เซน่อล
สมหวัง (มกราคม 2018)
หลังจากจดๆ จ้องๆ มานานแสนนาน ในที่สุด อาร์เซน่อล ก็ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับ ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมยัง จาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเดือนมกราคม ปี 2018 ด้วยราคาที่ไม่เบาเอาซะเลย 56 ล้านปอนด์ กลายเป็นสถิติสโมสรตอนนั้น ก่อนถูกทำลายลงโดย นิโกล่าส์ เปเป้ ในปัจจุบัน
เพียงแค่ครึ่งซีซั่นแรก โอบาเมยัง กดไปเบาๆ 10 ประตูจาก 13 เกม และซีซั่นถัดมาแบบเต็มตัว ศูนย์หน้ากาบองยิงไป 22 ประตูจนถึงวันสุดท้าย ถีบตัวเองขึ้นรับรางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-19 ร่วมกับ ซาดิโอ มาเน่ กับ โม ซาลาห์
ผิดหวัง (มกราคม 2018)
การย้ายทีมแบบสลับขั้วในเดือนมกราคมปี 2018 ระหว่าง อเล็กซิส ซานเชซ ของ อาร์เซน่อล กับ เฮนริค มคิทาร์ยาน ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือเป็นการทำสัญญาที่ล้มเหลวทั้งสองฝั่ง
แม้ มคิทาร์ยาน ได้ชื่อว่าเคยเป็นจอมแอสซิสต์แห่ง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับลืมขอคู่มือการใช้งานติดตัวมาด้วย ตอนเซ็นสัญญาจาก เสือเหลือง ค่าตัวสูงระหว่าง 27-30 ล้านปอนด์
ช่วงแรกในชุด เดอะ กันเนอร์ส ผลงานเหมือนจะดูดีขึ้นมานิดหน่อย แต่เล่นไปเล่นมา มคิทาร์ยาน ในคราบ เร้ด เดวิลส์ ก็ค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนต้องยอมปล่อยไปอยู่กับ โรม่า ด้วยสัญญายืมตัวตลอดซีซั่นนี้