ถ้าไม่จับสลากมาเจอกันเองเสียก่อนในรอบ 4 เชื่อว่า 'บิ๊กซิกซ์' จะพาเหรดกันเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย คาราบาว คัพ ในฤดูกาลนี้เป็นแน่ เพราะอะไรนะเหรอ?
จาก 7 ฤดูกาลที่ผ่านมา อีเอฟแอล คัพ ตั้งแต่ใช้ตามชื่อสปอนเซอร์เดิม แคปปิตอล วัน คัพ จนมาเป็น คาราบาว คัพ ในฤดูกาล 2017-18 เป็นต้นมา แชมป์ตกเป็นของสมาชิกในกลุ่ม 'บิ๊กซิกซ์' ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปี 2014, 2016, 2018, 2019, 2020, เชลซี ปี 2015 และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2017
ย้อนกลับขึ้นไปอีกก็มี ลิเวอร์พูล ปี 2012, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2010 และ 2009, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ปี 2008, เชลซี ปี 2007, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 2006, เชลซี ปี 2005, ลิเวอร์พูล ปี 2003 และ 2001
แม้เป็นบอลถ้วยที่เรื่องความยิ่งใหญ่เป็นรอง เอฟเอ คัพ อยู่มาก แต่จุดเด่นคือการได้ฉลองความสำเร็จก่อนเพื่อนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และเกือบเป็นโทรฟี่เดียวที่ได้ชูโดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน เกมฟุตบอลต้องหยุดชะงักเพราะโควิด-19
พูดง่ายๆ ว่า แชมป์ก่อน ฉลองก่อน สร้างความฮึกเหิม และความมั่นใจสำหรับการลุ้นแชมป์รายการอื่นๆ ที่เหลือได้เป็นอย่างดี แม้จุดด้อยอยู่ที่เรื่องสภาพร่างกายหากใช้งานตัวหลักลงสนามแบบฟูลทีม
แต่เมื่อดูจากรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมา ถามว่า มีโค้ชคนไหนแคร์เรื่องสภาพความฟิตของตัวหลัก?
ในเมื่อแคร์แล้ว ทีมต้องตกรอบ และในเมื่อแคร์แล้ว อาจส่งผลระยะยาวให้ตัวเองต้องตกงาน หากไร้ความสำเร็จตอนจบฤดูกาล
แชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป๊ป จัดชุดผสมก็จริง แต่เป็นการผสมที่เน้นตัวหลักลงเพียบ ไม่ว่าจะเป็น เควิน เดอ บรอยเนอ, ราฮีม สเตอร์ลิง, ริยาด มาห์เรซ, โรดรี้, ตัวใหม่ เฟร์ราน ตอร์เรส และแนวรับเน้นๆ ไคล์ วอล์คเกอร์, แฟร์นันดินโญ่, อายเมริก ลาปอร์เต้, เบนฌาแม็ง เมนดี้
จึงบุกชนะ เบิร์นลี่ย์ สบายๆ 3-0 สเตอร์ลิง ยิงสอง และ เฟร์ราน ก็ประเดิมประตู
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จัดชุดสองก็จริง แต่หลายต่อหลายคนเคยเป็นตัวหลักหรือเป็นตัวหลักอยู่ ไม่ว่าจะเป็น วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด, แดเนียล เจมส์, ฆวน มาต้า และมีตัวใหม่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ๊ค ลงตัวจริง โดยกองหน้ารายการนี้ถูกวางให้เป็นของ โอเดียน อีกาโล่ อยู่แล้ว
จบการแข่งขัน บุกชนะ ไบรท์ตัน ที่จัดทัพชุดสองเช่นกัน 3-0
ส่วนอีก 4 ทีมที่เหลือต้องโคจรมาชนกันเอง และลุ้นกันจนถึงช่วงการดวลจุดโทษทั้งสองสนาม
ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แม้ต้องเล่นพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์, คาราบาว คัพ วันอังคาร และ ยูโรปา ลีก วันพฤหัสบดี สามเกมในห้าวัน แต่ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็แบ่งทีมออกเป็นสองชุดได้อย่างลงตัว โดยมีตัวหลักอย่าง อูโก้ โยริส, โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์, เอริค ดายเออร์, มุสซ่า ซิสโซโก้ เป็นแกนนำในบอลถ้วยในประเทศ
ด้าน เชลซี ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่มีขนาดทีมใหญ่อยู่แล้ว จึงสามารถจัดหนักตัวจริงอย่างเต็มที่ เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาชิช, เมสัน เมาท์ และตัวใหม่ ตีโม แวร์เนอร์, เบน ชิลเวลล์, เอดูอาร์ เมนดี้ ลงเรียกความสนใจกันพร้อมหน้า
อีกสนามที่ แอนฟิลด์ แม้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้โอกาสสำรองและดาวรุ่ง ลิเวอร์พูล ลงตัวจริงหลายคน แต่ก็มีสองตัวหลัก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ถูกวางให้ลงเล่นหนึ่งชั่วโมงของเกม
ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า ก็ผสมผสานทีม อาร์เซน่อล โดยมีดาวดัง ดานี่ เซบายอส, แบร์นด์ เลโน่, นิโกล่าส์ เปเป้, บูคาโย่ ซาก้า, กรานิต ชาก้า ลงตัวจริงทั้งหมด เช่นเดียวกับตัวใหม่ กาเบรียล ที่ได้ออกสตาร์ท
นี่คือสิ่งที่ปรากฏให้เห็นชัดว่า ทั้ง เป๊ป, โซลชา, มูรินโญ่, แลมพาร์ด, คล็อปป์ และ อาร์เตต้า ต้องการแชมป์ คาราบาว คัพ ทุกคน แต่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องมีสองคนที่หลุดวงโคจร
จากการจับสลากรอบ 8 ทีมสุดท้าย อาร์เซน่อล ต้องเล่นบิ๊กแมตช์ต่ออีกรอบ แต่คราวนี้ได้เล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เจอกับแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้
คู่รองอยู่ที่ กูดิสัน พาร์ค เอฟเวอร์ตัน ที่ คาร์โล อันเชล็อตติ จัดทีมโดยมีตัวหลักเนื้อๆ เน้นๆ ลงเล่นมาทุกรอบ เจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โซลชา ถวิลหาโทรฟี่ใบแรกกับสโมสร
อีกสองคู่ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ บุกเยือน สโต๊ค ทีมแชมเปี้ยนชิพ
และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด บุกเยือน เบรนท์ฟอร์ด ทีมแชมเปี้ยนชิพเช่นกัน
จากที่เล่นรอบสอง รอบสาม รอบสี่ ติดๆ กันมาในโปรแกรมมิดวีคสามสัปดาห์ติดแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาพักยาวๆ เกือบสามเดือน ก่อนกลับมาเล่นรอบห้า หรือรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในช่วงปลายเดือนธันวาคม
ขณะที่โปรแกรมรอบรองชนะเลิศ ในช่วงต้นเดือนมกราคม มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อนๆ ที่รอบนี้ลงเล่นแบบเหย้า-เยือน แต่ฤดูกาลนี้จะเล่นนัดเดียว เหมือนรอบที่ผ่านๆ มา
และรอบชิงชนะเลิศที่ เวมบลีย์ จะกลับเข้าสู่ช่วงเวลาที่คุ้นเคย ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์
ขอฟันธงเลยว่า แชมป์ คาราบาว คัพ ฤดูกาล 2020-21 จะตกอยู่ในมือ 'บิ๊กซิกซ์' ที่ตอนนี้เหลือสองทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ และสองทีมจากกรุงลอนดอน
เพราะในเมื่อแชมป์ พรีเมียร์ลีก มีเพียงหนึ่งเดียว และแชมป์ เอฟเอ คัพ ก็มีหนึ่งเดียวเช่นกัน คาราบาว คัพ จึงเป็นความสำเร็จที่ต้องสัมผัสให้ได้ก่อน เพราะหลังจากนั้นไม่มีอะไรแน่นอน