การย้ายทีมของ เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ จาก โรม่า มา เชลซี จบลงด้วยดี แม้มีกระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง เพราะไม่สามารถรวบ เอดิน เชโก้ มาได้พร้อมๆ กัน
ก่อนหน้านี้ เชลซี ต้องการเซ็นทั้ง เอแมร์ซอน แบ็กซ้าย และ เชโก้ ศูนย์หน้าตัวเป้า ด้วยค่าตัวรวมกัน 45 ล้านปอนด์ แต่ติดปัญหาหลายอย่างในเคสศูนย์หน้าบอสเนีย ทำให้การเจรจาต้องยืดเยื้อออกไปเกินหนึ่งสัปดาห์
สุดท้าย เอแมร์ซอน เป็นคนเดียวที่บินเดี่ยวจากกรุงโรมมายังลอนดอน เพื่อตรวจร่างกายและเซ็นสัญญา 4 ปีครึ่ง ด้วยค่าตัวเบื้องต้น 17.5 ล้านปอนด์ บวกกับเงื่อนไขโบนัสต่างๆ อีก 5.2 ล้านปอนด์ ก่อนเลือกสวมเสื้อหมายเลข 33 เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อย
"ผมมาที่นี่ เพราะที่นี่คือสโมสรที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ วันนี้ผมได้ทำให้หนึ่งในความฝันของผมเป็นจริงขึ้นมาด้วยการสวมเสื้อสโมสรที่ยิ่งใหญ่ ฟุตบอลอังกฤษเป็นเกมที่ผมติดตามดูมาตั้งแต่อายุ 15 แล้ว เป็นเกมฟุตบอลที่สวยงาม แต่จะสวยงามยิ่งขึ้นถ้าได้มาเล่นด้วยตัวเอง" แบ็กซ้ายวัย 23 ปี กล่าว
ไปดูประวัติแบ็กซ้ายรายใหม่ของ เชลซี กันแบบคร่าวๆ หลังจากเลื่อนขึ้นมาจากทีมเยาวชนของ ซานโต๊ส ตั้งแต่อายุ 18 ให้หลังไป 2 ปี ปาแลร์โม่ ก็ติดต่อทาบทามขอยืมตัวไปร่วมทัพ และลงเล่นไปเพียง 9 นัดเท่านั้น
แต่นั่นก็เพียงพอที่จะเตะตา โรม่า ที่ติดต่อขอยืมไปใช้งานบ้าง ซึ่งหลังจากลงเล่นไป 12 นัด ก็รีบเซ็นสัญญาซื้อขาดด้วยค่าตัวเพียง 2 ล้านยูโรทันที
สมัยยังอยู่ในทีมเยาวชนของ ซานโต๊ส เอแมร์ซอน ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล ชุดยู-17 ลุยศึกชิงแชมป์อเมริกาใต้ 2011 และ ฟีฟ่า ยู-17 เวิลด์คัพ 2011 มาแล้ว ลงเล่นไป 15 นัด จากนั้นก็ไม่เคยถูกเรียกตัวติดชุดไหนอีกเลย
หลังจากแจ้งเกิดกลายเป็นตัวหลักในซีซั่นที่สองกับ โรม่า จานปิเอโร่ เวนตูร่า เทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลีในเวลานั้น จึงต้องการให้แบ็กซ้ายแซมบ้าหันมารับใช้ อัซซูรี่ หลังจากได้รับสัญชาติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ปีที่แล้ว ตามบรรพบุรุษของมารดา
แต่โชคร้ายที่การเรียกตัวติดทีมชาติอิตาลีครั้งแรกในช่วงโปรแกรมเดือนมิถุนายนไม่เกิดขึ้น เพราะ เอแมร์ซอน บาดเจ็บอย่างหนัก ถึงขั้นเอ็นไขว้เข่าฉีกในช่วงเดือนเมษายน และต้องพักยาวนานถึง 8 เดือน
ทุกอย่างกับทีมชาติอิตาลี จึงกลับมาเริ่มต้นใหม่ที่ศูนย์ และอาจจะกลายเป็นติดลบด้วย หลังจาก เวนตูร่า ถูกไล่ออกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ช่วงเวลาที่ เอแมร์ซอน กำลังเรียกความฟิตอย่างหนัก เพื่อเตรียมตัวกลับมาซ้อม
แม้ เอแมร์ซอน จะแฮปปี้สุดๆ กับชีวิตใหม่ที่ลอนดอน แต่ดูเหมือนกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ จะเฉยๆ กับการเซ็นสัญญาครั้งนี้
"ผมจำเขาไม่ได้ เพราะเขาเพิ่งได้ลงเล่น (อย่างสม่ำเสมอ) ในอิตาลีเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาผ่านการบาดเจ็บรุนแรงมาที่เส้นเอ็นเข่า เขาหายดีแล้ว แต่ผมไม่รู้ว่าเขาพร้อมลงเล่นหรือยัง" คำพูดจากปากผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียน ก่อนหน้า เอแมร์ซอน เดินทางจากกรุงโรมมาลอนดอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง
"ถ้าพวกคุณยังจำได้ ผมเคยพูดไปแล้วว่าในกรณีที่สโมสรปล่อยยืม เคเนดี้ ออกไป เรามีสองทางเลือก หนึ่ง คือซื้อนักเตะเข้ามาอีกคน หรือสอง ใช้งานนักเตะดาวรุ่งอย่าง ดูจอน สเตอร์ลิง (เด็กวัย 18) ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดี ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ถ้ามีข่าวอะไรแล้วทางสโมสรจะแจ้งพวกคุณเอง" เป็นอีกครั้งที่ คอนเต้ ตัดพ้อนโยบายการเสริมทัพของสโมสร ผ่านทางห้องแถลงข่าว
ถ้าจะถาม คำว่าสโมสรในที่นี้หมายถึงใคร? คอนเต้ น่าจะพูดถึง มารีน่า กรานอฟสคาย่า ผู้อำนวยการหญิงของสโมสร ที่เข้ามาดูแลรับผิดชอบเรื่องการซื้อขาย ดูแลศูนย์ฝึกเยาวชน และโครงสร้างแมวมองของสโมสรทั้งหมด นับตั้งแต่แยกทางกับ ไมเคิ่ล เอเมนาโล่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้ว
การเซ็นสัญญากับนักเตะสักคน คอนเต้ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาแค่บอกคุณลักษณะว่าต้องการนักเตะแบบไหน เมื่อ มารีน่า รับเรื่องก็ส่งต่อไปยังเจ้าของสโมสร โรมัน อบราโมวิช เป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้าย และเมื่อมีการอนุมัติแล้ว มารีน่า ก็จะเป็นคนดำเนินการเจรจาต่อรองซื้อขาย
นั่นจึงเป็นที่มาของสาเหตุที่ คอนเต้ เคยเอ่ยปากเมื่อหลายเดือนก่อนว่าไม่เคยได้นักเตะเสริมทัพตรงตามที่ต้องการเลย
แต่ไม่ว่าสถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร ตอนนี้ คอนเต้ จะมีทางเลือกตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งซ้ายเพิ่มขึ้นอีกคน นั่นคือ เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่ ที่พร้อมแย่งตำแหน่งตัวจริงกับ มาร์กอส อลอนโซ่ ทั้ง 3 รายการ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอคัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะยังไม่ได้เล่นให้ โรม่า ในเกมยุโรป
