:::     :::

ผลเสมอจากเกมผ่าเมือง

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2563 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
4,705
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ นัดที่ 183 จบไปแบบจืดๆ ด้วยสกอร์ 0-0 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเกมผ่าเมืองแมนเชสเตอร์ที่ไม่ค่อยได้อรรถรสเท่าไหร่

ปัจจัยส่วนหนึ่งคงหนีไม่พ้นการขาดหายไปของเหล่าแฟนบอลทั้งฝั่ง 'เรด อาร์มี่' และ 'ซิตี้เซนส์' ที่ยังคงโดนสั่งห้ามเข้าสนาม เนื่องจากเขตแมนเชสเตอร์ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19

กอปรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ลงไปเล่นแบบรัดกุมตามคำสั่ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ดูเหมือนจะเน้นเอาแต้มมากกว่าเอามัน ซึ่งส่วนหนึ่งคิดว่าเขาคงไม่อยากให้ทีมพลาดท่าต่อเนื่องจากเกมกลางสัปดาห์บนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

แค่การจัดทีมลงสนามก็มั่นใจในเรื่องนั้นได้ระดับหนึ่ง เพราะทาง โซลชา อัดแดนกลางลงไปถึง 4 ราย ซึ่งเขาพยายามปิดกั้นพื้นที่ของ เควิน เดอ บรอยน์ ตัวทำเกมระดับโลกของ เรือใบสีฟ้า พร้อมกับพื้นที่ด้านในยามที่บรรดาปีกทั้งสองฝั่งอย่าง รียาด มาห์เรซ และ และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ตัดเข้ากลาง ซึ่งถือว่ามันได้ผลและไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนสร้างจังหวะจะแจ้งมากนัก โดยทางกุนซือชาวนอร์เวย์คอยอาศัยแผนตีหัวเข้าบ้านด้วยการใช้จังหวะสวนกลับและความเร็วของแนวรุกอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เมสัน กรีนวูด เล่นงาน นอกจากนั้นยังมีลูกตั้งเตะที่เจ้าตัวยอมรับว่าซ้อมมาพอสมควรเพื่อเอาไว้ใช้จัดการอริร่วมเมือง

จะเห็นได้จากจังหวะเตะมุมหลายๆ ครั้งในครึ่งแรกที่เกือบเล่นงานลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้หงายเก๋ง อาทิ ลูกชาร์จเสาไกลของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่เข้าถึงช้านิดเดียว หรือการเติมเกมโหม่งของ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ




ส่วนทีมเยือนก็ยังคงเล่นตามรูปแบบของพวกเขาในการ 'เพรสซิ่ง' สูงและกดดันฝ่ายตรงข้าม อาศัยการตัดบอลหรือขึ้นเกมเร็วโดยมี เดอ บรอยน์ เป็นศูนย์กลาง หรือใช้งานความเร็วของสามแนวรุกที่คอยเล่นงานแนวรับ ปิศาจแดง

จังหวะจะแจ้งคงหนีไม่พ้นการทำเกมของ ซิตี้ ในนาทีที่ 35 ซึ่งทางกองกลางทีมชาติเบลเยียมดีดบอลออกไปทางขวาให้ มาห์เรซ ล่อเป้าโล่งๆ ดีที่ ดาบิด เด เคอา เซฟช่วยเจ้าบ้านได้พอดี

ถือเป็นโอกาสทองและอาจจะเป็นจังหวะตัดสินเกมที่ โอลด์ แทรฟอร์ด ได้เลย เพราะหลังจากนั้นทั้งสองทีมต่างเจอปัญหาในการสร้างโอกาส โดยเฉพาะ แมนฯ ซิตี้ ที่อาจจะครองบอลต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังแต่พวกเขาไม่สามารถผ่านการป้องกันสองชั้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ เพราะบรรดากองกลางตัวตัดเกมอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด ทำงานร่วมกับแนวรับของทีมได้อย่างลงตัวและสามารถสกัดกั้นหรือทำลายจังหวะของ เรือใบสีฟ้า ได้ตลอด

ฝั่ง ปิศาจแดง ที่พยายามเล่นงานจากจังหวะสวนกลับ แต่พวกเขาไม่ได้แสดงอาวุธตรงจุดนี้ออกมาเลยเพราะสองกองหน้าทั้ง แรชฟอร์ด และ กรีนวูด ไม่สามารถเอาชนะหรือชิงจังหวะจากแนวรับ ซิตี้ ได้เช่นกัน แม้ช่วงท้ายเกม ผีแดง มีโอกาสจบสกอร์จาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส แต่ก็เป็นเพียงจังหวะหวาดเสียวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น 




เป็นเกมที่ไม่ค่อยหวือหวาและน่าตื่นต้นอย่างที่หลายๆ คนคาดหวัง แต่ 1 คะแนนที่ได้จากรองแชมป์เก่าเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ถือเป็นคะแนนที่ดีสำหรับทีมของ โซลชา เพราะอย่างน้อยๆ มันทำให้ ปิศาจแดง ไม่ต้องเจอกับความพ่ายแพ้อีกครั้งหลังจากเพิ่งอกหักร่วงตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก 

นอกจากนั้นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในนัดที่ผ่านมาคือการที่ ปิศาจแดง ไม่เสียประตูจากการลงเล่นรอบ 5 นัดหลังสุดในทุกรายการ หรือตั้งแต่เกมที่พวกเราเปิดบ้านเอาชนะ เวสต์บรอมวิช 1-0

เป็นสิ่งที่ดีที่เห็นจากนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สามารถยืนหยัดต้านทานแนวรุกอันร้อนแรงของ เรือใบสีฟ้า กระนั้นการบ้านสำคัญคือทำอย่างไรให้เรื่องนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องในอนาคต




ช่วงที่ผ่านมา ปิศาจแดง ต้องเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่งอยู่เสมอ และนั่นทำให้นักเตะต้องเจอกับแรงกดดันและการทำงานที่หนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว บางนัดอาจจะแซงชนะได้ แต่บางเกมมันก็ยากเกินไปที่จะพลิกสถานการณ์ให้กลายมาเป็นผู้คว้าชัยในบั้นปลายและไม่ได้มีการการันตีเสมอไปว่าทีมจะเอาชนะได้ทุกครั้งเมื่อโดนนำก่อน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่นักเตะต้องพยายามพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา 

มันคงจะเป็นเรื่องง่ายกว่าหากทัพผีแดงออกนำคู่แข่งก่อนบ้าง (และทำให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ) เพราะมันจะเป็นการบีบให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดหน้าแลก และจะเข้าทางลูกทีม โซลชา ที่ชอบเล่นสวนกลับเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ที่สำคัญ หลายปีที่ผ่านมาได้มีข้อพิสูจน์แล้วว่ารากฐานความสำเร็จของหลายๆ ทีมมาจากแนวรับ เมื่อแผงหลังมีความมั่นใจและสามารถสกัดกั้นการทำประตูของฝ่ายตรงข้ามได้ดีแล้ว มันยังจะเป็นจุดเชื่อมโยงให้แนวรุกสามารถทำงานได้เต็มที่อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน




ถึงตรงนี้ มันเหลือเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ โซลชา ต้องปรับจูนหรือเพิ่มเติมลงไปในทีม เสริมการทำงานและความเข้าใจในการป้องกันให้ดีกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าหากทำได้แล้วก็จะช่วยให้ ปิศาจแดง ทีมนี้ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่

ศักยภาพมีอยู่ในทีม แต่มันขึ้นอยู่กับว่ากุนซือจะสามารถงัดออกมาจากตัวนักเตะ และนำมาผสมผสานให้เข้ากันได้ดีเพียงใด

จุดอ่อนมีให้เห็น จุดแข็งมีให้ดู แต่มันอยู่ที่ว่าคนคุมทีมจะปรับจุดอ่อนและนำจุดแข็งมาใช้งานให้ดีกว่าเดิมได้อย่างไร

นั่นคือคือคำถามและการทำงานที่น่าสนใจ เพราะไม่เพียงแค่เป็นการพิสูจน์ฝีมือของเทรนเนอร์ แต่มันยังหมายถึงการยกระดับทีมนี้ให้ไปไกลกว่าที่ควรจะเป็นและเดินหน้าไปยังเป้าหมายที่ทีมมักจะพูดถึงเสมอให้ได้สักที



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})