โทษตัวเอง
ยิ่งไปกว่านั้น มันคือการพ่ายแพ้ต่อทีมบ๊วยของตารางที่เพิ่งคว้าชัยเกมที่สองของฤดูกาลนี้อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งทำให้ความไม่พอใจยิ่งทวีคูณมากกว่าเดิม
ทีมที่นอนยิ้มกระดิกเท้าสบายใจคือ แมนฯ ซิตี้ ที่เอาชนะได้ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน แถมยังมีเกมในมือ 1 นัด เท่ากับว่าหากพวกเขาสามารถเก็บเกมตกค้างได้สำเร็จก็จะทำแต้มหนี ปิศาจแดง ไปเป็น 4 คะแนน
นี่คือสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังขาดหายไป การคว้าชัยในเกมที่สมควรได้รับ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องขับเคี่ยวกับสโมสรที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่าง เรือใบสีฟ้า
อย่างที่เคยเรียนไปก่อนหน้านี้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของ ยูไนเต็ด ในตอนนี้คือการรักษาผลงานรวมไปถึงการยืนระยะ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับขับเคี่ยวกับทีมที่มีประสบการณ์ลุ้นแชมป์มาตลอด 3-4 หลังสุด
สิ่งที่เราได้เห็นจากเกมที่ผ่านมาคือ ปิศาจแดง ร่างเดิมที่ไร้จินตนาการในการเข้าทำ การต่อบอลที่ไม่ไหลลื่น รวมไปถึงความผิดพลาดสองจังวะที่ส่งผลเสียหายถึงขั้นเสียประตู
ใครจะไปคิดกันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไม่แพ้ในลีก 13 เกมติดต่อกันพร้อมสร้างผลงานอันเอกอุจนไต่มาเป็นจ่าฝูง จะมาพลาดท่าโดนทีมบ๊วยของลีกบุกมาตบคา โรงละครแห่งความฝัน
เรื่องที่เกิดขึ้นคงโทษใครไม่ได้ (ต่างจากบางทีมที่โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง) นอกจากตัวเองที่ดันขว้างโอกาสทิ้งไป แถมยังทำให้สถานการณ์หลังจากนี้ทวีความยากไปกว่าเดิม
หลายคนคงเห็นเหมือนกันว่าเกมที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก จากทีมที่มีเกมรุกน่าดูชมในช่วงหลัง แต่นัดที่ผ่านมาพวกเขากลับมีปัญหาในการเจาะกำแพงของ ดาบคู่ การต่อบอลทำได้เพียงจ่ายขวางสนามไปมา พอถึงพื้นที่สุดท้ายหากไม่ติดแนวรับคู่ต่อสู้ก็ต้องส่งพลาดจนไม่มีโอกาสจบสกอร์แบบจะแจ้ง
การต่อบอลอันน่าหงุดหงิดแบบเดิมๆ กลับมาอีกครั้ง ตัวริมเส้นทางซ้ายที่สลับระหว่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลากตัดเข้ามาแล้วฝากตัวในก่อนจะตามไปรับบอล จังหวะแบบนี้เราเห็นมานักต่อนักแล้วว่าไม่ได้ผล แต่มันดันปรากฏให้เห็นในนัดที่ผ่านมา
นั่นคือสัญญาณร้ายที่เกิดขึ้น บรรดากองกลางต่างเจอปัญหาทั้ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส และ ปอล ป็อกบา ที่พอจะเงยหน้าผ่านบอลกลับพบว่ามีแต่บรรดานักเตะเชฟฟิลด ยูไนเต็ด ยืนขวางทางกันหน้าสลอน
ไหนจะการผ่านบอลที่ติดขัดไม่ไหลลื่น เจอการไล่หวดจากฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะ บรูโน่ ที่หลังจบเกมคงหน้าแข้งแะข้อเท้าบวมอย่างแน่นอน
ยิ่งเวลาผ่านไปเราจะเห็นได้ว่าทัพนักเตะปิศาจแดงเร่งเกมมากเกินไปจนก่อให้เกิดความผิดพลาด และไม่สามารถเล่นงาน อารอน แรมส์เดล ประตูของฝ่ายตรงข้ามได้แบบจังเบอร์เลย
ไม่เพียงแค่แนวรุกที่ผิดฟอร์มและดูไร้จินตนาการ แนวรับยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทีมอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่มีแนวรุกห่วยสุดในลีก (10 ประตูจาก 19 เกมก่อนลงสนาม) บุกมาสอยกลับออกไปถึงสองลูก
ประตูแรกคือความผิดพลาดของทั้งทีม เพราะรู้ทั้งรู้ว่า ดาบคู่ มาเล่นแบบไหน แต่พวกเขากลับปล่อยให้โดนเล่นงานโดยเฉพาะลูกตั้งเตะที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ซึ่งหลังจากโดนสอยตาข่ายไปก่อนรูปเกมได้เทไปทางทีมเยือนที่ลงไปตั้งรับแบบเต็มกำลัง พวกเขาเต็มใจให้เจ้าบ้านเดินหน้าเต็มที่ชนิดที่ว่า 'เชิญเข้ามาเลยตามที่ต้องการ' แต่แนวรุก ปิศาจแดง ทำผลงานต่ำกว่าที่คาดหวัง มันยิ่งทำให้ความมั่นใจของ เดอะ เบลดส์ มากขึ้นเรื่อยๆ
ยูไนเต็ด อาจจะตีเสมอได้สำเร็จในช่วงกลางครึ่งหลัง วินาทีนั้นแฟนบอลต่างคิดว่านี่คงเป็นอีกเกมที่ ผีแดง จะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาแซงชนะในครึ่งหลังได้อีกครั้ง
แต่เรื่องดังกล่าวไม่เกิดขึ้น เพราะทีมดันทิ้งโอกาสไปแบบน่าเขกกะโหลก
ประตูแรกอาจจะเกิดจากความผิดพลาดในลูกตั้งเตะ แต่ประตูที่สองกลับน่าตำหนิมากกว่าเพราะเป็นจังหวะที่ไม่ควรเสียอย่างยิ่ง
ใครที่ได้ดูเกมถ่ายทอดสดคงฉงนในใจว่าเหตุใดแข้ง ยูไนเต็ด ถึงเล่นแบบนั้น ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามลากผ่านต่อบอลง่ายๆ ไม่ต่างจากตอนซ้อม ที่สำคัญพวกเขากลับสลัดแบบเหลาะแหละจนโดน โอลิเวอร์ เบิร์ก ลงโทษในที่สุด
ไม่เข้าใจว่าตอนนั้นนักเตะคิดอะไรอยู่ในหัว พวกเขาอาจจะกำลังเสียดายบอล อยากตัดจังหวะแล้วสวนกลับทันที แต่มันคือความคิดที่ผิดพลาดและเป็นบทเรียนสำคัญของทีม เพราะหากเตะทิ้งไปในตอนนั้น พวกเขายังเหลือเวลาทำประตูชัยอีกตั้ง 15 นาที
ความพ่ายแพ้ที่ผ่านมาได้ให้ทั้งบทเรียนที่นักเตะต้องนำไปปรับปรุง ที่สำคัญมันเป็นการย้ำเตือนว่าพวกเขายังไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดและยังต้องพัฒนามากกว่านี้ในการต่อสู้กับคู่แข่งในพื้นที่หัวตาราง
นำความผิดพลาดนัดที่ผ่านไปแก้ไข หลังจากนี้ทีมต้องปรับบทบาทเป็นผู้ล่า และนั่นคืองานสำคัญในเกมนัดต่อไปกับการออกไปเยือน เอมิเร็ตส์ สเตเดียม ของ อาร์เซน่อล
ปืนใหญ่ ที่ก่อนหน้านี้ป้อแป้เหมือนจะหลุดวงโคจร แต่ เดอะ กันเนอร์ส สามารถกลับมาเข้ารูปเข้ารอย และเกมวันเสาร์นี้จะถือเป็นด่านสำคัญที่ ปิศาจแดง ต้องผ่านไปให้ได้
ถึงตรงนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองตนเอง สำรวจความผิดพลาดที่ผ่านมา มองหาทางแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะมันไม่ใช่เวลาไปโทษฟ้าโทษฝน หรือโทษปัจจัยภายนอก
หากทีมกลับมทำได้ดีอีกครั้ง ปัจจัยต่างๆ ที่ทีมอื่นๆ ชอบนำมาอ้างคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรู้จักตัวเอง ยอมรับความผิดพลาด ปรับปรุงตัวให้ดีกว่าเดิม นั่นคือเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
กับฤดูกาลที่ผลการแข่งขันสามารถออกมาในรูปแบบไหนก็ได้ การยืนระยะจึงเป็นสิ่งสำคัญ หวังว่า ปิศาจแดง จะไม่หลุดไปไกลและสามารถกลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นได้อย่างทันท่วงที
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT