สภาพจิตใจที่โดนกระทืบซ้ำ
สกอร์นำ 2-0 แต่กลับโดนตีเสมอในช่วงเวลาห่างกันแค่ 5 นาที นั่นคือสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ลองจินตนาการย้อนกลับไปว่าหากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะเป็นเช่นไร? แน่นอนว่า เฟอร์กี้ คงจัดการด่ากราดลูกทีมแบบยกใหญ่ ไม่ต่างนักเตะที่คงถกกันเดือดในห้องแต่งตัวมองหาความผิดพลาดเพื่อนำไปแก้ไข
แต่คำถามสำคัญคือ - แล้วปฏิกิริยาของทีมชุดปัจจุบันล่ะเป็นอย่างไร?
มันคือคำถามที่หลายคนอยากรู้ เพราะตั้งแต่ โรนัลโด้ ออกมากล่าวถึงเรื่องสภาพจิตใจหรือแนวคิดภายในทีมปิศาจแดงชุดปัจจุบัน แฟนบอลต่างคิดตามและมองเห็นได้ชัดเจนจากสีหน้าท่าทางที่แสดงออกมา
เรื่องนี้เป็นปัจจัยสำคัญของเกมกีฬาไม่ใช่แค่ฟุตบอล ไม่ว่าจะประเภทไหนก็ตาม เมื่อคนๆ นั้นหรือทีมๆ นั้นมีสภาพจิตใจที่พร้อมแข่งขัน พร้อมช่วงชิง หรือพร้อมที่จะต่อกรเดินหน้าไปยังเป้าหมาย มันจะเป็นตัวช่วยในการยกระดับเดินหน้า
ทว่าสิ่งที่เห็นในตอนนี้ถือเป็นปัญหาที่หยั่งลึกซึ่งต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน
คนที่จะแก้จุดนี้ได้ไม่ใช่แค่เพียง ราล์ฟ รังนิก ที่เพิ่งโดนถล่มแหลกหลังจบเกม แน่นอนกุนซือชาวเยอรมันคือคนที่ต้องรับผิดชอบผลการแข่งขันเพราะเขามีหน้าที่แก้เกมและปรับเปลี่ยนผู้เล่นในตอนที่เห็นว่าทีมกำลังเป๋หรือเล่นเป็นรองคู่แข่ง แต่เขายึดมั่นในแผนการเดิมก่อนจะยอมรับว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง
กระนั้นการตบมือข้างเดียวมันดังไม่ได้ ต้องมีการตอบสนองจากทางนักเตะซึ่งเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญในการพาทีมพลิกสถานการณ์จากที่เป็นในตอนนี้
สถานการณ์ดังกล่าว โทนี่ คาสคาริโน่ อดีตกองหน้าแอสตัน วิลล่า และ เชลซี มองว่าอาจจะแก้ไม่ง่าย เพราะนักเตะชุดนี้ส่วนใหญ่ได้รับการ 'โอ๋' หรือปกป้องจาก โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มากเกินไป
หลักฐานการกล่าวอ้างของ คาสคาริโน่ คือเราคงเคยเห็น โซลชา ออกมาปกป้องลูกทีมผ่านหน้าสื่อเสมอแม้ว่าผลงานจะย่ำแย่ ซึ่งส่วนนี้อดีตกองหน้าวัย 59 ปีมองว่ามีส่วนให้ รังนิก เจอปัญหาในการเข้าไปพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติกับนักเตะ
คล้ายกับว่าบางคนโดนเอาใจใส่จนเกินไปจนไม่สามารถตำหนิติเตียนได้ และมันหลายมาเป็นข้อเสียในการปรับตัวของแต่ละคน
ขอย้อนกลับไปที่บทสัมภาษณ์ของ โรนัลโด้ ตอนหนึ่งที่กล่าวว่าส่วนตัวของเขาเชื่อมั่นเสมอว่า ปิศาจแดง ชุดนี้มีศักยภาพมากพอที่จะก้าวขึ้นไปต่อกรในหัวตาราง แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือเรื่องของ 'สภาพจิตใจ'
"พวกเราสามารถเปลี่ยนหลายๆ สิ่งในตอนนี้ได้ ผมรู้วิธีการแต่ผมไม่สามารถระบุอย่างชัดเจนในตอนนี้ได้ เพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะทำเรื่องนั้น
"ผมเชื่อว่าหากเราสามารถเปลี่ยนในส่วนของสภาพจิตใจ เราก็สามารถประสบควาสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้"
แค่บางส่วนแต่กลับสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ดีถึงปัญหาเรื่องสภาพจิตใจในทีมที่ดิ่งทรุดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเกมที่ผ่านมาซึ่งทีมกำลังจะชนะแต่ต้องผิดหวังได้แค่ผลเสมอ
เรื่องนั้นก็ต้องชม แอสตัน วิลล่า ที่ไม่ยอมแพ้และเจอช่องเล่นงาน ปิศาจแดง ได้สำเร็จ โดยเฉพาะการต่อบอลสั้นตามช่องที่เล่นเอาแดนกลางและแนวรับของ รังนิก ไปไม่เป็นก่อนจะโดนในจังหวะคล้ายๆ กันทั้งสองประตู
อย่างที่เรียนไปว่านอกจากผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง สภาพจิตใจของนักเตะยังโดนกระทืบซ้ำจมลึกลงไปกว่าเดิม มันคือการตีกลับในช่วงเวลาไม่ถึง 5 นาที
การพูดคุยคงมีขึ้นอย่างแน่นอน ทุกฝ่ายต้องหันหน้ามาคุยกันเพื่อปรับปรุงทัศนคติให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อตัวนักเตะเท่านั้นแต่มันรวมไปถึง 'ทีม' ที่ต้องดีดตัวกลับมาในช่วงที่ยังพอมีเวลาให้แก้ไข
ส่วน 'ดราม่า' อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กับ รังนิก เอาไว้ตามกันต่อไป เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือสภาพจิตใจของทีมที่ต้องกลับมาเข้ารูปเข้ารอยให้เร็วที่สุด
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT