:::     :::

รูโหว่ที่เห็นได้อย่างชัดเจน

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2565 คอลัมน์ ผีตัวที่ 13 โดย โกสุ่ย
1,522
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
การปราชัย ไบรท์ตัน ยังติดอยู่ในห้วงความคิดของแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันคือการประเดิมซีซั่นใหม่อย่างเป็นทางการที่น่าผิดหวัง

แม้จะมีใครหลายคนเผื่อใจแล้วว่าความพ่ายแพ้อาจเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อต้องมาเจอรูปเกมหรือการเล่นของนักเตะยิ่งทำให้น่าผิดหวังและหงุดหงิดมากกว่าเดิม

ปัญหาไม่ต่างจากที่ผ่านมา คู่กองกลางยังเป็นเรื่องใหญ่ที่แก้ไม่ตก และนั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบแต่กลับไม่มีการแก้ไขให้ดีขึ้น

แน่นอนว่า เอริก เทน ฮาก พยายามควานหา 'มิดฟิลด์' ที่ตนเองต้องการ แต่ผ่านมาเป็นเดือนยังคงไม่ได้คนที่ตนเองปรารถนา แม้ว่าตอนนี้มองไปหาทางเลือกอื่นๆ แต่ดูเหมือนจะช้าไปแล้ว ยิ่งความพ่ายแพ้ทำให้แผลถูกเปิดและส่งกลิ่นคละคลุ้งมากกว่าเดิม รวมไปถึงพิสูจน์แล้วว่าการจับคู่ของ เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ เลวร้ายแค่ไหน 

ใช่จะบอกว่าทั้งสองคนฝีเท้าห่วยแตกหาที่ดีไม่ได้เลย แต่การนำทั้งคู่ไปทำงานร่วมกันมันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่ควรจะเป็น และดูเหมือนว่าทั้งสองเหมาะกับงานอื่นมากกว่าโดยเฉพาะ เฟร็ด ที่แทบจะไม่สามารถงัดศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่

วัดกับตอนเดินทางไปเล่นให้ทีมชาติบราซิลซึ่งมี กาเซมีโร่ คอยเป็นตัวเก็บกวาดในแดนกลาง ส่งผลให้ เฟร็ด มีอิสระมากขึ้นสามารถเติมเกมและเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการเล่นแบบ 'บ๊อกซ์ ทู บ๊อกซ์' มิดฟิลด์ที่ทำให้กองกลางรายนี้เฉิดฉายอย่างแท้จริง





แม้ช่วงพรีซีซั่นที่ผ่านมา เฟร็ด จะทำหน้าที่ของตนเองได้ดีพอสมควร แต่เมื่อเจอการแข่งขันในเวทีจริงกลับโดนเล่นงานและแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม

แค่เจอคู่กลางของ ไบรท์ตัน ก็แทบลิ้นห้อย ไม่นับรวมต้องไปดวลกับทีมที่ระดับทัดเทียมหรือเหนือกว่า ไม่อยากคิดว่าสภาพจะออกมาเช่นไร

ตอนนี้การใช้งานคู่หู 'แม็ค-เฟร็ด' เหมือนกับการวัดดวงว่านัดนั้นๆ จะออกมาดีได้ตามที่ต้องการหรือไม่ เพราะไม่มีอะไรการันตีได้อย่างเต็มที่ว่าทั้งสองจะช่วยให้แดนกลาง ปิศาจแดง มั่นคงได้ทุกๆ เกม

ล่าสุดกับข่าวโยง อาเดรียง ราบิโอต์ กองกลางเลือดน้ำหอมของยูเวนตุส ทำให้สถานการณ์ เฟรงกี้ เดอ ยอง ยิ่งห่างไกลมากขึ้น แม้ว่ารายหลังมีข่าวมาเป็นเดือนๆ แต่การย้ายทีมดูเหมือนไม่เกิดขึ้นและกลายมาเป็นเรื่องที่เสียเวลาไปเยอะมาก

กระนั้น ราบิโอต์ จะใช่คำตอบที่ถูกต้องหรือไม่ยังคงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในตอนนี้

ดูเหมือนว่า ปิศาจแดง จะจริงอย่างมาก มีการส่ง จอห์น เมอร์ทัฟ ไปเจรจากับตัวแทนของ ราบิโอต์ ถึงอิตาลี ซึ่งรายงานตอนนี้ระบุว่าเหลือแค่การตกลงสัญญาส่วนตัวเท่านั้นก็จะทำให้การย้ายทีมลุล่วง

คำถามต่อมาการใช้งาน ราบิโอต์ ภายใต้ เอริก เทน ฮาก จะออกมาในรูปแบบใด

ตั้งแต่สมัยที่เป็นดาวรุ่งในทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง และก้าวขึ้นใหม่ๆ ราบิโอต์ เฉิดฉายอย่างมากกับการเป็นมิดฟิลด์ทางซ้ายให้กับ เปแอสเช ซึ่งหากคิดไม่ออกให้นึกถึงการเล่นของ ปอล ป็อกบา ในทีมชาติฝรั่งเศสหรือตอนเล่นในระบบกองกลาง 3 คน

ส่วนตัวจึงแปลกใจว่าทำไม เทน ฮาก ถึงผลักดันการคว้าตัว ราบิโอต์ อย่างมาก หรือว่ากุนซือรายนี้มองเห็นศักยภาพที่สามารถนำไปปรับจูนให้เข้ากับระบบของตนเอง





ตอนนี้จึงได้แต่รอว่าหากการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง เทน ฮาก จะนำ ราบิโอต์ ไปใช้งานตรงจุดไหน และมันจะกลายมาเป็นสิ่งที่ดีให้กับทีมได้หรือไม่

อันที่จริงในฐานะแฟนบอลปิศาจแดงอยากเห็นพัฒนาการและความก้าวหน้าในอนาคตของทีม แต่คำถามที่ติดอยู่ในหัวตอนนี้คือ ราบิโอต์ จะเป็นตัวผลักดันให้แดนกลางดีขึ้นจริงหรือไม่

หากถามความเห็นตนเองในตอนนี้ แค่ ราบิโอต์ อาจจะยังไม่พอ เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการคือตัวตัดเกมตามธรรมชาติ หรือกองกลางที่มีความมั่นคงในการเล่นกับบอลมากกว่าที่มีอยู่

อย่างที่เรียนไปถึงรูปแบบของ ราบิโอต์ แม้จะเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง แต่การงัดศักยภาพออกมาได้ดีที่สุดคือการเล่นเป็นกองกลางทางซ้าย โดยตอนที่ก้าวขึ้นมาใหม่ๆ สมัยเล่นให้ เปแอสเช ราบิโอต์ ทำได้ดีอย่างมากในตำแหน่งดังกล่าว คอยต่บอลเดินเกมและบ่อยครั้งที่สามารถสอดเข้าไปจบสกอร์ในกรอบเขตโทษ หรือตอนที่ลงเล่นทีมตราไก่ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกใช้งานเป็นมิดฟิลด์ทางซ้ายหากทีมลงเล่นในระบบกองกลาง 3 ราย หรือถูกดันไปยืนเป็นตัวรุกทางซ้ายในระบบ 4-2-3-1 และจะไม่มีตำแหน่งทันทีเมื่อทีมใช้ระบบ 3-4-1-2 เพราะ ดีดีเย่ร์ เดส์ช็องส์ มั่นใจคู่ โอเรเลียง ชูเอเมนี่ กับ เอ็นโกโล ก็องเต้ มากกว่า (หรือ ปอล ป็อกบา หากไม่เจออาการบาดเจ็บ)

เอาเป็นว่าหากการย้ายทีมเกิดขึ้นก็ถือว่าดี ที่บอกว่าดีตรงนี้คือส่วนของการแข่งขันภายในทีมที่จะเข้มข้นมากกว่าเดิม กระนั้นเรื่องประสิทธิภาพหรือการยกระดับทีมต้องรอดูกันต่อไป

ตอนนี้หลายคนภาวนาให้การย้ายทีมลุล่วง ไม่ต้องไปคิดถึงอนาคตถึงเรื่องประสิทธิภาพในอนาคต เพราะส่วนใหญ่หมดความอดทนกับคู่หู 'แม็ค-เฟร็ด' ซึ่งกลายมาเป็นที่ระบายอารมณ์จากการปราชัยในนัดที่ผ่านมา

ไม่ต่างจากสโมสรที่โดนถล่มในเรื่องการซื้อตัว แม้ว่า 3 รายที่ได้มาจะน่าสนใจพอสมควร แต่ปัญหาใหญ่และช่องโหว่สำคัญกลับยังไม่ได้รับการแก้ไขจึงไม่แปลกที่อาการ 'หัวร้อน' จะทวีคูณหลังการปราชัยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

วันเวลาผ่านเลยไปพร้อมกับสถานการณ์มิดฟิลด์ที่แย่ลงไปกว่าเดิม ตอนนี้ปัญหาสำคัญคือการเสริมเติมแต่งรายใหม่เข้ามาโดยเร็วที่สุด เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไปความหวังหรือความต้องการกลับไปประสบความสำเร็จก็คงเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น 

เกมล่าสุดยิ่งตอกย้ำว่ากองกลางที่มียังไม่ดีพอ ต้องหาตัวใหม่มาทดแทนให้ได้ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์อาจจะเลวร้ายลงไปกว่าเดิมก็เป็นได้




คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด