แชมป์นี้เพื่อบราซิล
ใช่ นั่นคือ โรมาริโอ นักเตะที่ถูก คาร์ลอส อัลแบร์โต้ เปเรยร่า มองข้าม แต่ด้วยปัญหานักเตะในทีมบาดเจ็บและผลงานอันร่อแร่ทำให้กุนซือใหญ่ต้องเปลี่ยนใจดึงกองหน้าของบาร์เซโลน่าในเวลานั้นมาใช้งาน
และมันเหมือนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ เซเลเซา เข้ารอบสุดท้ายและด้วยการประสานงานของ โรมาริโอ และ เบเบโต้ ทำให้แนวรุกแซมบ้าน่ากลัวก่อนจะกรุยทางไปจนถึงแชมป์โลกสมัยที่ 4
มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายระหว่างการแข่งขัน และทาง โรมาริโอ ก็ได้เปิดใจถึงสิ่งเกิดขึ้น รวมไปถึงความรู้สึกและความเห็นต่างๆในช่วงเลานั้น
อย่าเสียเวลา ลองไปอ่านกันดูว่าอดีตกองหน้ารายนี้คิดเห็นอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1994 ...
จุดไหนที่คุณมั่นใจว่าบราซิลจะคว้าแชมป์โลกมาครอง?
- ผมแน่ใจเสมอว่าบราซิลจะเป็นแชมป์โลกเพราะผมอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดในชีวิตและผมมีคู่หูที่สมบูรณ์แบบในแนวรุกอย่าง เบเบโต้ แม้ว่ากองกลางของบราซิลจะไม่ได้เป็นนักเตะที่มีเทคนิคมากนัก แต่พวกเขาทำงานของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด และเล่นได้อย่างชาญฉลาด เรายังมีกองหลังที่ไม่เสียประตูแบบง่ายๆ และในความเห็นของผมเรายังมี ทัฟฟาเรล หนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุด นอกจากนั้นเรายังมีตัวสำรองที่สามารถทำผลงานได้ดีและบางครั้งก็เล่นดีกว่า 11 ตัวจริง นั่นคือสาเหตุที่ผมรู้ว่าเราจะคว้าแชมป์โลก บทพิสูจน์ในเรื่องนี้คือการให้สัมภาษณ์ในทุกๆครั้งก่อนรายการนั้นซึ่งผมพูดตลอดว่าบราซิลจะคว้าแชมป์โลก ประสงค์ของพระเจ้า และมันยังเป็นแชมป์โลกของผมด้วย
ท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ของ เบเบโต้ ในเกมกับ ฮอลแลนด์ มีที่มาจากไหน?
- นั่นเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำของ เบเบโต้ เพราะตอนนั้นภรรยาของเขาเพิ่งให้กำเนิดลูก และมันเป็นท่าดีใจที่น่าสนใจอย่างมาก เขาคิดท่านั้นได้ในตอนนั้น เขาทำประตูและเริ่มทำท่าฉลอง มาซินโญ่ ที่อยู่ใกล้ๆกับเขา ก็เข้าไปร่วมวง รวมไปถึงผมด้วยที่ตามเข้าไปสมทบ ก็แค่ต้องทำให้เหมาะสม เราทั้งสามคนทำท่าดีใจพร้อมกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างมากในฟุตบอลโลกหนนั้น
คุณโหม่งประตูโทนในเกมรอบรองชนะเลิศ คุณจำอะไรได้บ้างกับช่วงเวลานั้น?
- นั่นเป็นประตูที่ไม่มีวันลืมเมื่อคุณคิดเกี่ยวกับมัน หากคุณเป็นผมที่สูงแค่ 168 เซนติเมตร ลอยตัวขึ้นไปโขกระหว่างกองหลังที่สูงใหญ่ของสวีเดนที่มีความสูงเฉลี่ย 183 หรือ 184 เซนติเมตร นั่นคือเรื่องที่ไม่ธรรมดาในเกมฟุตบอล และมากกว่านั้นในเกมฟุตบอลโลกและโดยเฉพาะในรอบรองชนะเลิศ จอร์จินโญ่ ก็ผ่านบอลได้สมบูรณ์แบบ และจากการช่วยของพระเจ้าทำให้ผมสามารถโหม่งบอลได้ ทำให้ผู้รักษาประตูตอบสนองไม่ทัน
คุณทำงานร่วมกับ เบเบโต้ ได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
- เราเคยเป็นคู่หูกันมาตั้งแต่ โอลิมปิก ที่กรุงโซลในปี 1988 และเคยทำงานร่วมกันมาหลายครั้งในรายการอื่นๆ ดังนั้นเราจึงเข้าใจกันและกันได้ดี ในตอนที่ บราซิล ทำงานในเรื่องของแท็คติกในการซ้อม เบเบโต้ กับผม ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยกันมากนัก เราแยกกันซ้อมเพราะว่าเราเข้าใจกันและกันได้ดีมาก เบเบโต้ เป็นนักเตะที่ชาญฉลาดอย่างมาก เขาทำให้การเคลื่อนที่ในแนวรุกของง่ายขึ้นมาก ซึ่งนั่นคือสาเหตุว่าทำไมเราต่างเข้าใจกันได้มากๆ
(คาร์ลอส อับแบร์โต้) เปเรยร่า เคยพูดว่าในตอนที่เขาเลือกนักเตะให้ทำหน้าที่ยิงจุดโทษ คุณเป็นคนขออาสา เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
- จนถึงตอนนั้น ผมเคยยิงจุดโทษมาเพียง 1 หรือ 2 ครั้งเท่านั้น มีนักเตะ 5 คนในทีมที่ฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำและเป็นคนที่จะได้ยิงจุดโทษ แต่ในตอนนั้น ผมรู้สึกว่ามันคือหน้าที่ของผม ผมเคยทำหลายๆสิ่งให้กับตนเองและทีมชาติ นั่นเป็นช่วงเวลาที่พวกเราเหล่านักเตะต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าช่วงเวลาอื่นๆในรายการ มันคือช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ว่าตอนนี้ผมคือนักเตะที่เติบโตขึ้น ที่พร้อมจะเจอกับความท้าทาย ดังนั้นผมจึงขออาสา ซึ่งโชคดีมากที่ เปเรยร่า เห็นด้วย และเดินไปทำหนึ่งในประตูที่ช่วยให้ บราซิล คว้าแชมป์ซึ่งมันมีความหมายอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้นในความคิดของนักเตะที่เดินจากกลางสนามไปยังตำแหน่งยิงจุดโทษ?
- ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้น รายการอะไร, เกมอะไร ในตอนนั้น ผมมีสมาธิมากกว่าที่ผ่านๆมา ผมเดินไปประมาณ 50 ก้าว และขณะที่เดินไปหลายสิ่งผ่านเข้ามาในหัวของผมอย่างมากมาย ช่วงวัยเด็กของผม, พ่อแม่ของผม, เพื่อนๆ และความสำคัญของการคว้าแชมป์เพื่อประชาชนชาวบราซิล ในตอนที่ผมจับบอลและวางลงไปที่จุดโทษ ทุกๆอย่างมันหมุนวนอยู่ในหัวของผม มันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มหาศาล ต้องสับไก และเป็นความรับผิดชอบสำหรับการที่จะทำให้ประเทศมีความสุขหรือเสียใจ
สิ่งแรกที่คุณคิดขึ้นในตอนที่ (โรแบร์โต้) บาจโจ้ พลาดจุดโทษคืออะไร?
- มันเป็นเรื่องของการทำงานที่เสร็จสิ้น มากกว่าสิ่งอื่นใดคือการรักษาคำพูด ตั้งแต่ที่ผมสัญญาว่าบราซิลจะเป็นแชมป์โลก ในตอนที่ผมพูดว่า 'ผม' ผมหมายถึงการพูดที่ว่านี่มาจากการที่ทุกๆคนในทีมช่วยกันและกัน อย่างไรก็ตาม 'ผม' อาจจะทำหน้าที่สำเร็จในฟุตบอลโลก และในความเห็นของผม ในรายการนั้นผมได้ทำผลงานที่ดีที่สุดในชีวิตของผม ผมประสบความสำเร็จเพราะความแข็งแกร่งในทีม พวกเขาช่วยผมเต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์
รู้สึกอย่างไรกับการได้อยู่ข้างๆ ดุงก้า ในตอนที่เขาชูถ้วยแชมป์?
- นั่นคือช่วงเวลาที่เกินหว่าจะเปรียบเปรยได้ มันเป็นช่วงเวลาแห่งมนต์สะกดที่จะอยู่กับพวกเราตลอดไป ผมไม่รู้ว่า ดุงก้า หรือ บรังโก้ ที่บอกว่า 'อยู่ตรงนี้ ในตอนที่ฉันรับถ้วยแชมป์ นายจะได้ถือมันได้ด้วย' นั่นคือช่วงเวลาที่ไม่สามารถบรรยายได้ มันมหัศจรรย์ มันน่าตื่นเต้น เป็นความรู้สึกที่หาอะไรมาเปรียบไม่ได้เลย มีเพียงคนที่ถือถ้วยแชมป์เท่านั้นที่จะสัมผัสประสบการณ์ตรงนั้นและรู้สึกถึงมันได้
เกิดอะไรขึ้นในตอนที่นักเตะพาถ้วยแชมป์กลับไปที่ห้องแต่งตัว?
- เราทำทุกๆอย่าง ผมมีรูปถ่ายประมาณ 3,000 รูปได้ รวมไปถึงการกอดจูบที่เกิดขึ้นเกือบตลอดเวลา นั่นคือความสำเร็จของรุ่น (รุ่นของพวกเรา) ซึ่งมาจากความยากลำบาก, ถูกดูหมิ่น และวิจารณ์อย่างหนัก นั่นคือผลของการที่เราผ่านทุกๆอย่างเพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าเราคือรุ่นที่ประสบความสำเร็จ
คุณบอกเราได้หรือไม่ว่าตามท้องถนนของบราซิลมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพวกคุณกลับไปถึง?
- สิ่งที่ผมเห็นคือแฟนบอลที่ดีใจและปลาบปลื้มอยู่เต็มท้องถนนของบราซิล จากประเทศที่ถูกกดขี่ แชมป์ครั้งนั้นเหมือนกับอาหารที่เติมเต็มท้องของผู้หิวโหย ผมเห็นความสุขบนใบหน้าของผู้คน อย่างน้อยๆก็ในช่วงเวลานั้น และนั่นคือสิ่งที่จะอยู่กับผมไปตลอดชีวิต
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT