นักเตะที่อาจย้ายจากมาดริดแบบยืมตัว
สาวกมาดริดิสต้าต่างหวังว่าจะมีแข้งพรสวรรค์หลั่งไหลเข้ามาสู่ถิ่น 'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลัง เรอัล มาดริด เผชิญความเงียบเหงาในตลาดนักเตะสองรอบที่ผ่านมา โดยมีสองกองหน้าดาวดังอย่าง คิลียัน เอ็มบั๊ปเป้ กับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เป็นเป้าหมายลำดับต้นๆ
แต่แฟนบอลอีกจำนวนไม่น้อยต่างต้องการเห็นการอัพเกรดตำแหน่งอื่นๆด้วยเช่นกัน อาทิ แบ็กขวาและมิดฟิลด์ตัวรับ ซึ่งมีชื่อของ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กองกลางดาวรุ่งทีมชาติฝรั่งเศสของ โมนาโก เป็นเป้าหมายในอุดมคติ
แต่ถ้า เรอัล มาดริด ดึงนักเตะทั้งหมดที่แฟนๆต้องการเข้ามา พวกเขาจะต้องสร้างที่ว่างในทีม นั่นหมายความว่าผู้เล่นบางคนจะถูกขายออกไป นอกเหนือจาก แกเร็ธ เบล, อีสโก้ อาลาร์กอน กับ มาร์เซโล่ วิเอยร่า ที่กำลังจะสิ้นสุดสัญญา
ทีมชุดขาวยังอาจต้องปล่อยนักเตะคนอื่นๆเพื่อเคลียร์พื้นที่และเพดานเงินเดือนบางส่วน ผู้เล่นบางคนในกลุ่มนี้ต้องการประสบการณ์และโอกาสลงสนามมากขึ้นโดยอาจปล่อยย้ายสังกัดด้วยสัญญายืมตัวเท่านั้น ส่วนจะมีใครบ้างที่อาจจะย้ายออกจาก 'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' แบบยืมตัวช่วงซัมเมอร์นี้
โรดรีโก้ โกเอส
แนวรุกชาวบราซิเลียนวัย 21 ปีมีโอกาสถูกปล่อยย้ายไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับสโมสรอื่นในสัญญายืมตัว แม้เขาจะเป็นแนวรุกสารพัดประโยชน์ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก ซานโตส ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ด้วยค่าตัว 45 ล้านยูโร
แต่ถึงกระนั้น เรอัล มาดริด อาจพิจารณาปล่อย โรดรีโก้ ย้ายสังกัดในช่วงหน้าร้อนนี้ในรูปแบบการยืมตัว จากข่าวลื่อที่ไม่น่าเชื่อถือจำนวนมาก มันจึงมีความเป็นไปได้น้อยที่ทีมชุดขาวจะปล่อยนักเตะย้ายสังกัด ขณะเดียวกันแนวรุกชาวบราซิเลียนไม่ได้แสดงความสนใจที่จะย้ายออกจากมาดริดด้วยเช่นกัน
โรดรีโก้ เป็นนักเตะที่มีทุกอย่างสำหรับการเป็นซุปตาร์ในอนาคต แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงเล่นตำแหน่งถนัดก็ตาม โดยเฉพาะการเล่นแนวรุกฝั่งซ้ายที่เขาสามารถเลี้ยงตัดเข้าในแล้วสับไกยิงด้วยเท้าขวา
ทว่า โรดรีโก้ จะมีโอกาสน้อยลงที่จะเติมเต็มศักยภาพของตนเองหาก เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญากับ เอ็มบั๊ปเป้ ซึ่งแน่นอนว่าแนวรุกทีมชาติฝรั่งเศสจะเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งดังกล่าว
ขณะที่ วินิซิอุส จูเนียร์ จะมีโอกาสก่อน โรดรีโก้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งซ้ายหรือขวา ดังนั้นคาดว่าอดีตเด็กปั้น ซานโตส จะมีโอกาสลงเล่นน้อยลงกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทีมชุดขาวเก็บ มาร์โก อาเซนซีโอ ไว้กับทีมต่อไป หรือการดึง บราอิม ดีอาซ กลับมาจาก เอซี มิลาน หรือแม้แต่การเซ็นสัญญากับ อันโตนี่ มาเธอุส โดส ซานโตส ของ อาแจ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม หรือ แซร์ช นาบรี้ ของ บาเยิร์น มิวนิค
แน่นอนว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงซัมเมอร์นี้โดยเฉพาะการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ของ เรอัล มาดริด จะมีผลกระทบต่ออนาคตของ โรดรีโก้ ไม่มากก็น้อย ซึ่งการพิจารณาปล่อยนักเตะย้ายไปเล่นกับสโมสรอื่นจึงเป็นอีกทางเลือกของทีมชุดขาว
เอแด็น อาซาร์
อาซาร์ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนับตั้งแต่ย้ายมาจาก เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโร จนดูเหมือนจะไม่มีข้อดีในอนาคตสำหรับการเก็บรักษาอดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมสิงห์น้ำเงินไว้ใน 'ซานติอาโก้ เบร์นาเบว' ต่อไป
เรื่องราวของผู้เล่นหมายเลข 7 กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าและไม่เป็นไปอย่างที่หลายคนคาดหวัง เนื่องจาก อาซาร์ มีปัญหาบาดเจ็บต่อเนื่อง, ติดเชื้อโควิดและฟอร์มตก จนไม่เหลือคราบของหนึ่งในนักเตะดีที่สุดในโลกเหมือนตอนค้าแข้งในถิ่น 'สแตมฟอร์ด บริดจ์'
แต่ อาซาร์ ไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถเป็นนักเตะอย่างที่ เรอัล มาดริด ต้องการ ซึ่งทีมชุดขาวไม่สามารถอยู่กับอดีตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาประสบความสำเร็จในการทำข้อตกลงกับ เอ็มบั๊ปเป้ นั่นหมายความว่า อาซาร์ อาจจะถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากมิดฟิลด์ชาวเบลเจี้ยนจะมีโอกาสน้อยกว่าทั้ง โรดรีโก้ หรือ อาเซนซีโอ ด้วยซ้ำ
อย่างน้อยทั้ง โรดรีโก้ กับ อาเซนซีโอ สามารถลงเล่นกราบขวาและมีส่วนช่วยเล่นเกมป้องกันในเวลาเดียวกันด้วย ขณะที่ อาซาร์ แทบจะไม่เหลือเขี้ยวเล็บเหมือนเมื่อก่อนและยังมีผลกระทบรอบด้านในช่วงเวลานี้ในอาชีพค้าแข้งของเขา
เรอัล มาดริด ยังต้องพิจารณาถึงการจ่ายเงินค่าจ้างปีละมากกว่า 20 ล้านยูโรแก่ อาซาร์ ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมากเกินกว่าจะเก็บมิดฟิลด์วัย 31 ปีที่กลายสภาพเป็นตัวสำรองไว้กับทีมต่อไป
ทว่าด้วยเงินเดือนแสนแพงและประวัติการบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าวของ อาซาร์ มันจึงเป็นเรื่องยากที่ เรอัล มาดริด จะหาทางจำหน่ายมิดฟิลด์ชาวเบลเจี้ยน แต่พวกเขายังมีโอกาสปล่อยนักเตะย้ายด้วยสัญญายืมตัวเพื่อให้สโมสรอื่นช่วยแชร์ค่าจ้างบางส่วนเหมือนเคสที่ปล่อย แกเร็ธ เบล ย้ายมาเล่นกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในซีซั่น 2020-2021
นั่นอาจเป็นวิธีเดียวที่ เรอัล มาดริด จะปล่อย อาซาร์ ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อลดภาระค่าจ้างและเพิ่มพื้นที่สำหรับการทำข้อตกลงกับปีกขวาหรือกองหน้าคนใหม่
ลูก้า โยวิช
กองหน้าทีมชาติเซอร์เบียย้ายจาก แฟร้งค์เฟิร์ต มาค้าแข้งกับ เรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 ด้วยค่าตัว 60 ล้านยูโร แต่ดาวยิงชาวเซิร์บมีชะตากรรมไม่ต่างจาก อาซาร์ โดยมีโอกาสลงสนามเพียง 49 เกมและส่วนใหญ่ลงเล่นฐานะสำรอง เขายังถูกปล่อยไปเล่นกับทีมอินทรีแดง-ดำด้วยสัญญายืมตัวในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่แล้วด้วย
โยวิช เป็นกองหน้าที่มีความสามารถหลากหลายและโดดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศ ซึ่งน่าจะเหมาะกับรูปแบบการเล่นของ เรอัล มาดริด ภายใต้การดูแลของ ซีเนดีน ซีดาน ในขณะนั้น แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด มันไม่เวิร์ค ทั้งที่่ดาวยิงชาวเซิร์บเคยเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมในกรอบเขตโทษสูงติดอันดับต้นๆของบุนเดสลีกาในปี 2018 ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ทีมชุดขาวลงทุนดึงเขามาเพื่อเป็นตัวแทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
กองหน้าวัย 24 ปี ยังมีปัญหาเรื่องทัศนคติ เขาเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นจึงปรับตัวได้ค่อนข้างช้า เขายังไม่ได้ช่วยทีมเล่นเกมรับมากนัก ไม่ได้ช่วยสกัดบอลหรือแม้แต่การกดดันคู่แข่ง แม้จะยืนตำแหน่งดีจนทำให้คู่แข่งส่งบอลค่อนข้างยากก็ตาม นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ คาร์โล อันเชล็อตติ เลือกใช้งาน มาเรียโน่ ดีอาซ ก่อน โยวิช ในเกมที่ คาริม เบนเซม่า พลาดลงช่วยทีม
ขณะเดียวกัน เบนเซม่า ยังทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมจนแทบจะปิดโอกาสของ โยวิช ไปโดยปริยาย ทางเดียวที่จะส่งทั้ง เบนเซม่า และ โยวิช ลงเล่นร่วมกันคือการปรับมาเล่นระบบ 3-5-2 แต่นั่นหมายถึงการถอย วินิซิอุส จูเนียร์ ไปเล่นวิงแบ็ก มันอาจกลายเป็นการลดทอนประสิทธิภาพการเล่นของแนวรุกชาวบราซิเลียน
อันเชล็อตติ ยังเป็นเทรนเนอร์ที่ยึดมั่นตามแนวทางของตนเอง เขาจึงไม่ต้องการเสียสละการทำประตูหรือแอสซิสต์ของ วินิซิอุส เพื่อเปิดโอกาสให้ โยวิช ลงสนาม อีกทั้งกองหน้าชาวเซิร์บยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการเล่นที่มีประสิทธิภาพและความคงเส้นคงวาด้วย
ตอนนี้ โยวิช จำเป็นต้องย้ายออกจากมาดริดอีกครั้งเพื่อฟื้นฟูอาชีพของเขากลับมา แต่มันคล้ายกรณีของ อาซาร์ ที่ทีมชุดขาวไม่สามารถเรียกร้องเงินค่าตัวนักเตะเทียบเท่ากับตอนที่ซื้อมาจาก แฟร้งค์เฟิร์ต ในช่วงซัมเมอร์ปี 2019
ดังนั้นทางออกดีที่สุดคือการปล่อย โยวิช ย้ายสังกัดด้วยสัญญายืมตัวเพื่อให้นักเตะแสดงประสิทธิภาพของตนเองเพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต แม้ว่ามันอาจจะไม่สูงถึง 60 ล้านยูโรก็ตาม
อันโตนิโอ บลังโก้
เขาไม่ใช่แข้งระดับบิ๊กเนมเหมือน อาซาร์ หรือ โรดรีโก้ แต่ อันโตนิโอ บลังโก้ อาจมีความสำคัญต่ออนาคตของ เรอัล มาดริด แม้ทีมชุดขาวกำลังมองหาการเซ็นสัญญากับ ชูอาเมนี่ ในปี 2022 หรือ จูด เบลลิงแฮม ในปี 2023 ก็ตาม
อันโตนิโอ บลังโก้ จะเป็นผู้เล่นที่มีความสำคัญต่อการหมุนเวียนนักเตะลงสนามในอนาคต วันนั้นอาจมาถึงในซีซั่น 2022-2023 ส่วนหนึ่งอาจมาจากการเรียกร้องของสาวกมาดริดิสต้าที่ต้องการให้ทีมเปิดโอกาสให้เด็กปั้นของสโมสรลงเล่นบ้าง พวกเขาผิดหวังกับการตัดสินใจของ อันเชล็อตติ ที่ไม่สนับสนุนแข้งหนุ่มจากทีมเยาวชนอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่หลายคนแสดงให้เห็นแววในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น 2020-2021 ภายใต้การดูแลของ ซีดาน
มิดฟิลด์วัย 21 ปีเป็นอีกหนึ่งแข้งดาวรุ่งที่ฉายแววเด่น เขาเล่นบอลด้วยความนิ่งและมีการจ่ายบอลอย่างมีระดับในเกมกับ กาดีซ และดูเหมือนว่า อันโตนิโอ บลังโก้ สามารถลงเล่นฐานะตัวจริงของสโมสรระดับ ลา ลีกา ได้แล้ว ทว่า เรอัล มาดริด ยังไม่มีแผนการที่ชัดเจนสำหรับนักเตะดาวรุ่งของพวกเขาในฤดูกาลหน้า มีแต่ข่าวการเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ซะเป็นส่วนใหญ่
เด็กที่กำลังเติบโตอย่าง อันโตนิโอ บลังโก้ ไม่สามารถเสียเวลาอีกปีในอาชีพค้าแข้งของเขา เด็กหนุ่มวัย 21 ปีดีเกินไปสำหรับการเป็นตัวสำรองและน่าจะมีส่วนร่วมสนับสนุนทีมชุดใหญ่ ดังนั้นความคิดในการลงเล่นฐานะตัวจริงอาจดึงดูดความสนใจของเขา และแน่นอนเขาดูเป็นผู้เล่นที่มีความมั่นใจว่าพร้อมรับความท้าทายนั้น
ถ้า เรอัล มาดริด เซ็นสัญญากับ ชูอาเมนี่ รวมถึงการก้าวขึ้นมาของ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า นั่นทำให้ อันเชล็อตติ อาจแช่แข็ง อันโตนิโอ บลังโก้ ไว้กับทีมสำรองต่อไป ดังนั้นการย้ายสังกัดในรูปแบบของการยืมตัวอาจเป็นทางออกดีที่สุดของมิดฟิลด์วัย 21 ปี
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT