จาก รีเซ่ (กว่าจะ) ถึง โรเบิร์ตสัน
ว่ากันว่า แบ็กขวา-ซ้าย ที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้ยืนคนละฝั่งกันในถิ่นแอนฟิลด์อย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน
หากมองย้อนกลับไป หงส์แดงเป็นทีมที่มีอาถรรพ์ในตำแหน่งแบ็กซ้ายมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่หมดยุคของ ยอห์น อาร์เน รีเซ่
พวกเขาใช้เวลาเกือบจะ 10 ปีเลยทีเดียว กว่าจะค้นพบคนที่มีคุณภาพรอบด้านอย่าง โรเบิร์ตสัน มาเติมเต็มทางกราบซ้ายให้กับทีมได้
แต่ระยะเวลาก่อนหน้านั้น เรามาดูกันเลยว่าทำไมกว่าจะถึง ร็อบโบ้ มันจึงเป็นตำแหน่งอาถรรพ์ของถิ่นแอนฟิลด์
ฟาบิโอ ออเรลิโอ (2006-2012)
ความสำเร็จในปัจจุบันของ ลิเวอร์พูล ก่อร่างสร้างตัวมาจากกระดูกสันหลังของชาวบราซิเลี่ยน อย่าง อาลีสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่การเซ็นสัญญากับแข้งที่ลืมตาดูโลกในบราซิลครั้งแรกก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำของสโมสร
ออเรลิโอ ถูก ราฟา เบนิเตซ คว้าตัวมาจากอดีตต้นสังกัดของเขาอย่าง บาเลนเซีย เมื่อปี 2006 และหลังจากที่แย่งตัวจริงมาจาก รีเซ่ ได้สำเร็จ เขาก็กลายเป็นตัวเลือกระยะยาวของทีม
ช่วงอาชีพของเขาที่แอนฟิลด์เต็มไปด้วยเวลาสุดพิเศษ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นด้วยทักษะแบบนักเตะอเมริกาใต้ รวมถึงฟรีคิกอันฉมัง และการเล่นที่คาดเดาไม่ได้เลย
แต่เวลาส่วนใหญ่ที่อังกฤษของเจ้าตัวก็ต้องถูกบดบังด้วยอาการบาดเจ็บหนัก ซึ่งทำให้ ออเรลิโอ ลงเล่นเพียง 134 นัด ตลอดระยะเวลา 6 ปีกับหงส์แดง และในที่สุดเขาก็กลับไปบราซิล เมื่อปี 2012 และแขวนเกือกในปีถัดมา
เอมิเลียโน่ อินซัว (2007-2011)
ออเรลิโอ ไม่ใช่แข้งอเมริกาใต้เพียงคนเดียวที่ถูกจัดอันดับไว้ค่อนข้างสูงในถิ่นแอนฟิลด์ช่วงนั้น แต่ อินซัว ก็เป็นอีกคนที่ถูกคาดหวังไว้อย่างมากว่าจะเป็นอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของทีม หลังย้ายมาจาก โบคา จูเนียร์ส เมื่อปี 2007
ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมจากเมืองแซมบ้าเอาแต่รักษาโรคเดี้ยงในโรงหมอ อินซัว ก็ช่วงชิงโอกาส โดยลงสนามไป 44 นัดให้กับทีมชุดแรกระหว่างซีซั่น 2009-10
แต่นาทีนั้น ลิเวอร์พูล กำลังตกต่ำอย่างมาก และเมื่อ รอย ฮ็อดจ์สัน ถูกดึงมาแทนที่ เบนิเตซ ในปี 2010 อินซัว ก็ถูกมองข้ามเพื่อหลีกทางให้ พอล คอนเชสกี้
แม้จะไม่สามารถแจ้งเกิดได้อย่างเต็มที่ แต่ อินซัว ก็มีเส้นทางค้าแข้งที่น่าเหลือเชื่อ และปัจจุบันก็กำลังสนุกกับ แอลเอ แกแล็คซี่ ในเมเจอร์ลีก
อันเดรีย ดอสเซน่า (2008-2010)
ดอสเซน่า มาอยู่ที่เมอร์ซี่ย์ไซด์เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น เขาถูกเซ็นสัญญาเข้ามาในตลาดเดียวกับ ดาวิด เอ็นก๊อก, ร็อบบี้ คีน และ อัลเบิร์ต ริเอร่า
แต่ในช่วงระยะเวลาปีครึ่ง เขาก็มีช่วงเวลาที่น่าจดจำ กับประตูอันยอดเยี่ยมที่ยิงใส่ เรอัล มาดริด และ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งทั้ง 2 ลูกเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ห่างกันแค่ 4 วันเท่านั้น
พอล คอนเชสกี้ (2010-2011)
รอย ฮ็อดจ์สัน จัดการดึงขุนพลเก่าของเขาที่ ฟูแล่ม มาร่วมทีมเมื่อปี 2010 หลังจากที่เขาพาทีมเล็กๆ อย่างเจ้าสัวน้อยไปถึงรอบชิงยูโรปา ลีก
ปู่รอย เข้ามาแทนที่ ราฟา และหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือความไว้วางใจต่อเด็กเก่าอย่าง คอนเชสกี้
แต่ดาวเตะซึ่งอายุ 29 ปีในตอนนั้นกลับกลายเป็นที่จดจำในฐานะนักเตะของทีมที่ออกสตาร์ทฤดูกาลเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรในรอบ 57 ปีเลยทีเดียว
ระเบิดลูกใหญ่เกิดขึ้นหลังเกมแพ้ สโต๊ค 0-2 ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2011 เมื่อแม่ของ คอนเชสกี้ ระบายความโกรธต่อแฟนๆ หงส์แดงที่โห่ไล่ลูกชายระหว่างเกมบนเฟซบุ๊ค
เมื่อ เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาแทนที่ ฮ็ฮดจ์สัน ในปีนั้น คอนเชสกี้ ก็แทบจะไม่ได้เล่น และเขาก็ย้ายไปอยู่กับ เลสเตอร์ ในซัมเมอร์ถัดมา
แจ็ค โรบินสัน (2010-2014)
หลังจากเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียงแค่ 16 ปี 250 วัน โรบินสัน ก็กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นให้หงส์แดง ณ เวลานั้น
แต่นั่นก็เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นนักเตะจากทีมอะคาเดมี่ทะลุขึ้นมาเพื่อต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกับทีมชุดแรก จากนั้นเขาก็ย้ายไป ควีนส์ปาร์ค ด้วยสัญญายืมตัว ต่อด้วย วูล์ฟส์ และ แบล็คพูล
ตอนนี้ด้วยวัย 26 ปี โรบินสัน เพิ่งจะได้ย้ายไปร่วมทีม เชฟฯ ยูไนเต็ด อย่างน่าเซอร์ไพรส์
จอน ฟลานาแกน (2010-2018)
ก็เหมือนกับ โรบินสัน ฟลานาแกน กลายเป็นอีกดาวรุ่งที่ถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ภายใต้การคุมทีมของ ดัลกลิช
ฟลานโน่ ได้รับโอกาสในตำแหน่งแบ็กขวามากกว่า โรบินสัน ในอีกฝั่งเสียอีก และเขาก็มักถูกใช้งานแบบตัวเลือกฉุกเฉิน และยังได้เป็นแข้งดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรในปี 2011 อีก
ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดัง เมื่อตำนานฟูลแบ็กทีมชาติบราซิลอย่าง คาฟู ถึงกับยกย่องให้เขาเป็นผู้สืบทอดฝีเท้า โดยอ้างว่า ฟลานาแกน นั้นมีทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับการเป็นฟูลแบ็กที่ดีที่สุดในโลก
มันก็เคยเกือบมีช่วงเวลาแบบนั้นเหมือนกัน
เขามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมจนช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบรองแชมป์พรีเมียร์ลีก ในปี 2014 และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ แต่ 'เดอะ สเก๊าส์ คาฟู' ก็มีชีวิตได้เพียงไม่นาน และหลังจากต่อสู้กับอาการบาดเจ็บถึง 20 เดือน เขาก็ไม่เคยคืนฟอร์มเก่งได้อีกเลย และย้ายไปเป็นลูกทีมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ เรนเจอร์ส เมื่อปี 2018
โฆเซ่ เอ็นริเก้ (2011-2016)
นี่ก็เป็นอีกคนที่แก้ไขปัญหาแบ็กซ้ายของถิ่นแอนฟิลด์ได้เป็นอย่างดี โดย เอ็นริเก้ ย้ายมาหงส์แดง เมื่อซัมเมอร์ ปี 2011 พร้อมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัมส์ และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง
ในขณะที่เขาลงสนามไป 99 นัด เขากลับต้องมาโดนอาการบาดเจ็บเข่าเรื้อรังพรากความเก่งกาจไป โดยมีโอกาสลงเล่นแค่ 21 นัดเท่านั้นจากช่วง 3 ซีซั่นสุดท้าย ก่อนที่จะย้ายไป เรอัล ซาราโกซ่า ในปี 2016 และแขวนสตั๊ดตอนปี 2017
หลังประสบความสำเร็จในการผ่าตัดเนื้องอกในสมองจนปลอดภัย อีกหนึ่งปีถัดมา เอ็นริเก้ ก็ทำงานเป็นเอเยนต์นักฟุตบอล
อาลี ซิสโซโก้ (2013-2014)
ในบรรดาทุกคนที่ผมเขียนถึง ซิสโซโก้ อาจจะเป็นคนที่น่าผิดหวังมากที่สุด
ครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับการยกย่องให้เป็นดาวเตะที่อนาคตจะต้องดังระดับโลก โดยแข้งเฟร้นช์แมนย้ายจาก บาเลนเซีย ร่วมทีมหงส์แดง เมื่อปี 2013 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็สร้างชื่อมากับ ลียง
แม้ ซิสโซโก้ จะถูกเซ็นสัญญาเพื่อมาเป็นตัวแทนของ เอ็นริเก้ แต่เขากลับโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน ซึ่งนั่นหมายความว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ถูกบังคับให้ต้องเข็น ฟลานาแกน ในตำแหน่งแบ็กซ้าย สลับไปกับ เกล็น จอห์นสัน ในบางที
โชคดีที่เขาเป็นเพียงแค่การเซ็นสัญญาแบบยืมตัวซีซั่นเดียวเท่านั้น และก็กลับไปยังสเปนในปีถัดมาด้วยสถิติลงเล่นเพียงไม่กี่นัด
อัลเบร์โต้ โมเรโน่ (2014-2019)
รวดเร็ว, แข็งแกร่ง และชอบเกมบุกเป็นชีวิตจิตใจ โมเรโน่ มีจุดเด่นของฟูลแบ็กชั้นยอดจำเป็นต้องมี เมื่อตอนที่เขาถูกคว้าตัวมาเมื่อปี 2014
แต่ในขณะที่ดาวเตะชาวสเปนมีเกมรุกที่ยอดเยี่ยม เขากลับเล่นด้วยความผิดพลาดง่ายๆ ในเกมรับ ซึ่งหลายครั้ง ลิเวอร์พูล ต้องเสียหายหนักเพราะเขา
ฟอร์มในนัดชิงยูโรปา ลีก ปี 2016 คือตัวอย่างที่ชัดเจน ทั้งกองเชียร์, กูรู และนักข่าวทั้งหมดกล่าวโทษเขาที่เล่นได้อย่างห่วยแตกในครั้งแรกของเกมแพ้ เซบีย่า 1-3 ทั้งที่นำก่อนในครึ่งแรก
แกรี่ เนวิลล์ เคยบอกกับสกาย สปอร์ต เอาไว้ว่า "คุณอาจจะเริ่มต้นเกมด้วยการมีสกอร์ตามหลังกับการใช้ โมเรโน่ เป็นแบ็กซ้าย"
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน (2017-ปัจจุบัน)
ในหลายแง่มุม โรเบิร์ตสัน ได้นำเอาส่วนดีที่สุดของเหล่าแบ็กซ้ายหลายคนก่อนหน้านี้ของ ลิเวอร์พูล มาไว้รวมกัน ไม่ว่าจะเป็นความดื้อรั้นของ เอ็นริเก้, ไหวพริบของ โมเรโน่ และแพสชั่นของ ฟลานาแกน แต่ก็ยังมีพลังงาน และอัตราความขยันที่ไม่มีใครเปรียบเทียบได้
เขาถูกนำตัวมาจาก ฮัลล์ ซิตี้ เมื่อปี 2017 ด้วยค่าตัวเพียง 8 ล้านปอนด์เท่านั้น โรเบิร์ตสัน เริ่มต้นแบบกระท่อนกระแท่น และแทบไม่ได้รับโอกาส จนแฟนๆ มองว่าเขาก็คงเป็นแบ็กซ้ายอีกคนที่เข้ามาล้มเหลวกับ ลิเวอร์พูล
แต่เขาก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จนทุกวันนี้มีแบ็กซ้ายไม่กี่คนในโลกหรอกที่ถูกยกย่องว่าดีกว่าเขา แถมเขายังมีเหรียญทองของแชมเปี้ยนส์ลีกมาประดับอาชีพแล้วด้วย
ฤดูกาลก่อน เขาก็ได้รับการเสนอชื่อให้ติดทีมยอดแย่งแห่งปีของพีเอฟเอ และก็อาจจะมีแชมป์พรีเมียร์ลีกมาเป็นเกียรติประวัติในอีกไม่ช้า
มันอาจเป็นเส้นทางที่ยาวไกล และขรุขระไปหน่อย แต่ในที่สุด หงส์แดงก็เจอแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดของพวกเขาแล้ว
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT