ถึงเวลาคาริอุส
ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เล่นได้อย่างน่าอัศจรรย์ในเกมที่ยัดเยียดความปราชัยให้ แมนฯ ซิตี้ 4-3 เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน โดยเกือบทุกคนออกจากสนามด้วยฟอร์มอันสูงส่ง
จะยกเว้นก็แค่ คาริอุส ที่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้ ซิมง มิโญเลต์ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยอีกครั้ง
นายด่านชาวเยอรมันปล่อยให้ลูกยิงมุมแคบของ ลีรอย ซาเน่ พุ่งซุกตาข่ายทำให้สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 ก่อนหมดครึ่งแรก และจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันคือความผิดพลาด
คราวนี้มันเลยกลายเป็นไฮไลท์ที่เหล่ากองเชียร์ต้องพูดถึงอีกครั้งกับการที่ ลิเวอร์พูล ควรต้องทุ่มเงินซื้อนายทวารระดับท็อปในช่วงซัมเมอร์แล้วรึยัง มันคงเป็นเพราะแฟนๆ ไม่เหลือความไว้เนื้อเชื่อใจในตัว คาริอุส อีกแล้ว หลังเขาไม่เคยสร้างความประทับใจใดๆ ได้เลย
แต่ไม่น่าเชื่อ ขนาดเขาก่อความผิดพลาดไม่ต่างกัน แต่ คล็อปป์ ก็ดูจะอุ้มชูคนบ้านเดียวกันมากกว่า มิโญเลต์ ที่น่าจะต้องนั่งยาวๆ ไปจนจบซีซั่น
จากนี้ไปอีก 4 เดือน คาริอุส จะแสดงให้เราได้เห็นว่าเขานั้นดีพอหรือไม่ก็ตอกย้ำว่าไม่ไหวจริงๆ
แต่หนึ่งในความจริงที่สามารถถกเถียงถึงตัว คาริอุส ได้ก็คือเขายังไม่เคยได้รับโอกาสแบบจริงๆ จังๆ ตลอดระยะเวลา 18 เดือนตั้งแต่ที่ย้ายมาจาก ไมนซ์ ด้วยค่าตัว 4.7 ล้านปอนด์
เดี๋ยวได้ลงนัด พักอีก 10 นัด มันเป็นอย่างนี้เรื่อยมา โดยการสัมผัสฟลอร์หญ้าติดต่อกันยาวนานที่สุดของเขาเกิดขึ้นในช่วง 5 เกมตั้งแต่เดือนกันยายนถึงตุลาคมของฤดูกาลที่แล้ว
ในตอนนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นตัวเลือกแรกอยู่แล้ว หลัง ลิเวอร์พูล กวาดชัยได้ 4 นัดรวดและเสมอ 1 เกม แต่เทวดาก็ตกสวรรค์อย่างรวดเร็วในเกมที่แพ้ บอร์นมัธ 3-4
ตั้งแต่นั้น มิโญเลต์ ก็ก้าวเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งตัวจริง ส่วน คาริอุส ถูกจำกัดไว้เพียงบอลถ้วย และแชมเปี้ยนส์ลีก
อันที่จริง คาริอุส น่าจะเปิดตัวกับหงส์แดงได้ดีกว่านี้ แต่เขาดันโชคร้ายบาดเจ็บข้อมือหักตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาลแรกของตัวเองกับสโมสรใหม่ และนับจากนั้นความเชื่อมั่นในตัวเขาก็ไม่เคยเกิดขึ้นในหมู่เดอะ ค็อป อีกเลย
จากจำนวนเพียง 27 เกมที่ คาริอุส ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล นั้นเป็นเรื่องยากที่จะหาเกมที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ
ที่นึกออกมันก็พอมีบ้าง อย่างนัดเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ในลีก คัพ รอบตัดเชือก นัดแรก เมื่อปีก่อน หรืออย่างเกมเยือน เซบีย่า เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา แม้ว่าจะเสียถึง 3 ประตูก็ตาม
แต่ที่เหลือ มีแมตช์ไหนน่าจดจำบ้าง
???
ยิ่งถ้าดูจากสถิติต้องเรียกว่าเอาตีนก่ายหน้าผากกันเลยทีเดียว เพราะนายทวารวัย 24 ปีมีผลงานเซฟลูกยิง (3) ได้น้อยกว่าประตูที่เสีย (4) ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้อีก
เขามีค่าเฉลี่ยเซฟลูกยิงห่วยที่สุด (43%) ในลีก ขนาดผู้รักษาประตูมือสองของ สโต๊ค อย่าง ลี แกรนท์ (50%) ยังดีกว่าเขาอีก
ประตูที่เสียไปในเกมพบ แมนฯ ซิตี้, สปาร์ตัก มอสโก, เวสต์แฮม และ บอร์นมัธ (2) ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องหนักหนาเกินกว่า คาริอุส จะต้านทานไหว แต่ก็บ่อยครั้งที่เขาไม่เคยอยู่ใกล้เคียงกับการเซฟจังหวะสำคัญได้เลย
บางครั้งเขาดูเหมือนกำลังเหยียบอยู่บนปูนซีเมนต์ เพราะการไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องของเขายังไม่รวดเร็วพอ อีกทั้งฟุตเวิร์คก็อ่อนด้อยด้วย และเขาก็ไม่เคยแก้ไขสถานการณ์เมื่อเพื่อนร่วมทีมก่อความผิดพลาดได้เลย
หากจะบอกว่า คาริอุส นั้นโชคดีมากก็คงไม่ผิดนัก แต่ส่วนหนึ่งมันก็เพราะ มิโญเลต์ เองก็ไม่ได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจไปมากกว่าเขาสักเท่าไหร่ด้วย กับตอนนี้เขาต้องพยายามคว้าโอกาสเอาไว้ให้ได้
นี่คือช่วงเวลาสำคัญที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในการพาตัวเองไปให้ไกลที่สุดในแชมเปี้ยนส์ลีก รวมไปถึงการจบท็อปโฟร์บนตารางพรีเมียร์ลีก นี่คือเป้าหมายที่เหลืออยู่ในซีซั่นนี้ อ้อ... ยังมีเอฟเอ คัพ อีกถ้วยด้วย
พวกเขาได้แสดงให้เห็นแล้วในเกมกับเรือใบว่าสามารถเอาชนะใครบนโลกนี้ก็ได้หากเล่นเหมือนฟอร์มวันนั้น และทีมชุดนี้ก็ดูดีมีระดับกว่าสมัยที่คว้าถ้วยบิ๊กเอียร์เมื่อปี 2005 เสียอีก
คาริอุส ต้องพยายามพาตัวเองเก็บเกี่ยวความเชื่อใจจากรอบข้างให้มากที่สุด และนี่คือบททดสอบสำคัญสำหรับเขา
แต่หากยังไม่ต่างจากที่เคยเป็นมา รับรองอนาคตในถิ่นแอนฟิลด์ของเขาคงไม่เหลืออยู่แน่
แม้ด้วยสถิติหลายอย่างจะทำให้ คาริอุส ดูไร้ค่าเอามากๆ แต่คนๆ เดียวกันนี้แหละเคยถึงขั้นได้รับการโหวตให้เป็นนายทวารยอดเยี่ยมที่สุดอันดับสองของเวทีบุนเดสลีกา ปี 2015-16 มาแล้ว
ดังนั้นหากมองในแง่ดี เมื่อ คาริอุส ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองแบบจริงๆ จังๆ แล้ว เขาอาจทำได้ดีขึ้นมาก็ได้
หวังว่าศรัทธาของ คล็อปป์ จะแสดงให้เห็นว่า คาริอุส คือของจริงที่ถูกต้อง
แต่หากเขายังคงห่วยไม่เลิกอีกล่ะก็
คล็อปป์ เองนั่นแหละที่เตรียมหูชาได้เลย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT