งานช้างของ กัคโป
สำหรับ โคดี้ กัคโป มันเป็นการแนะนำตัวที่แอนฟิลด์แบบเรียบๆ ไม่มีอะไรให้พูดถึง
ชื่อของดาวเตะดัตช์อาจเรียกเสียงเชียร์ที่ดังที่สุดในค่ำคืนวันนั้นเมื่อมีการอ่านรายชื่อก่อนเกม แต่ผลกระทบของเขาหลังจากนั้นมีน้อยมากจากเกมเสมอ วูล์ฟส์ 2-2 ในเอฟเอ คัพ รอบสาม
กัคโป ที่ออกสตาร์ทตัวจริงทางกราบซ้ายในแผงเกมรุกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำได้แค่เพียงอยู่รอบนอกเป็นส่วนใหญ่ และไม่ได้มีฟอร์มที่น่าตื่นตาตื่นใจอะไรมากมาย
เขามีส่วนในประตูที่สองของ ลิเวอร์พูล ก็จริง แต่การยิงของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็เป็นผลมาจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ โตตี้ โกเมส และการไม่มีธงจากไลน์แมนมากกว่าจะให้เครดิตกับเด็กใหม่
เขาอยู่ในสนาม 84 นาที และได้รับเสียงปรบมืออย่างล้มหลามจากกองเชียร์เจ้าบ้านเมื่อถูกแทนที่โดย อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
วัน และคืนที่ดีกว่าจะมาถึงอย่างแน่นอนสำหรับดาวเตะที่วัยเพียงแค่ 23 ปี ในเสื้อสีแดงของทีมยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดี
ทว่าปัญหาก็คือ กัคโป มาถึงในช่วงที่ ลิเวอร์พูล ต้องการใช้งานเขาทันที เขาเซ็นสัญญาเป็นเวลา 5 ปีครึ่ง แต่ในอีก 5 เดือนครึ่งจากนี้เป็นเรื่องที่สาวกเดอะ ค็อป ต้องกังวล
ฤดูกาลของพวกเขาอยู่บนความเสี่ยง และพวกเขาก็ต้องการใครที่จะจุดประกายให้ตัวเองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ในหลายๆ ด้าน การมาถึงของ กัคโป ยังเมอร์ซี่ย์ไซด์ มีความคล้ายคลึงกับ หลุยส์ ดิอาซ เมื่อ 12 เดือนที่แล้ว
หงส์แดง ให้ความสนใจกองหน้าที่เนื้อหอม ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการเอาชนะเพื่อนร่วมพรีเมียร์ลีกเพื่อเซ็นสัญญากับนักเตะ โดยเป็น สเปอร์ส ที่พลาดตัว ดิอาซ ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พลาด กัคโป
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญคือ กัคโป มายังทีม ลิเวอร์พูล ที่อยู่ห่างไกลากโลกที่ต้อนรับ ดิอาซ และความต้องการที่จะเห็นเขาสร้างผลกระทบในทันทีมากกว่าดาวเตะทีมชาติโคลอมเบีย
ดิอาซ มาถึงทีมซึ่งเป็นอันดับสองในพรีเมียร์ลีกที่กำลังมุ่งมั่นตามล่าจ่าฝูงอย่าง แมนฯ ซิตี้ ขณะที่มีนัดชิงคาราบาว คัพ รออยู่ และแพ้เพียง 2 จาก 43 เกมก่อนหน้านี้รวมทุกรายการ
เขาเข้าร่วมทีมที่รู้ทิศทาง และรู้ว่าจะคว้าชัยชนะอย่างไร แถมทีมไม่ใช่แค่มี ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ แต่ยังมี ดีโอโก้ โชต้า, ทาคูมิ มินามิโนะ และ ดิว็อก โอริกี้ อีกด้วย
นั่นคือขุมกำลังเชิงลึกของ หงส์แดง ซึ่ง คล็อปป์ ถึงกับต้องตั้งคำถามกับตัวเองในการปล่อยผู้เล่นระดับคุณภาพอย่าง มินามิโนะ, โจ โกเมซ, เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ไม่มีชื่อในทีมแม้กระทั่งตัวสำรอง
ท่ามกลางสิ่งเหล่านั้น ดิอาซ สามารถเข้ามาเติมเต็มสิ่งใหม่ๆ สิ่งที่น่าตื่นเต้นเข้าไปในนั้นได้
เขามีแอสซิสต์แรกหลังจาก 10 นาทีที่ประเดิมนัดแรกในฐานะตัวสำรองของเกมเอฟเอ คัพ กับ คาร์ดิฟฟ์ และก็ประเดิมพรีเมียร์ลีกในอีก 4 วันถัดมา และเมื่อสิ้นสุดเดือนแรก เขาก็มีประตูแรก และคว้าเหรียญแชมป์แรกได้สำเร็จ แถมยังเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมพบ เชลซี ในคาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่เวมบลีย์ อีกด้วย
ในช่วงกำลังจะจบซีซั่น เขาก็ทำแบบเดียวกันในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ต่อด้วยการลงตัวจริงในแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงที่แพ้ เรอัล มาดริด พร้อมสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในหมู่กองเชียร์ไปเรียบร้อย
กับ กัคโป เขามาถึงในสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป
หลังจากฤดูใบไม้ผลิอันน่าตกใจ ลิเวอร์พูล ก็หลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ลีก ขณะที่การป้องกันแชมป์คาราบาว คัพ ก็จบลงที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ก่อนวันคริสต์มาส
พวกเขามีเกมแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะพบกับแชมป์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด และต้องเซฟตัวเองไม่ให้ร่วงตกรอบเอฟเอ คัพ แต่เป้าหมายหลักของพวกเขาระหว่างนี้จนถึงเดือนพฤษภาคมคือการรักษาเสถียรภาพให้เพียงพอต่อการจบอันดับท็อปโฟร์ และไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า
มันดูเป็นงานที่ยากเหลือเกินเมื่อพิจารณาจากฟอร์มของพวกเขาเอง แถมคู่แข่งรายอื่นๆ ยังพัฒนาแบบฉุดไม่อยู่ทั้ง อาร์เซน่อล, นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ยูไนเต็ด
ช่องว่างระหว่างพวกเขากับ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 4 คือ 7 แต้ม ซึ่งมันอาจดูไม่ไกลมาก แต่มันกลายเป็นกว้างมากเมื่อมองมายัง ลิเวอร์พูล ที่มีปัญหาทุกด้านในตอนนี้
ความหวังคือ กัคโป จะทำได้เหมือน ดิอาซ คือนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามา แต่มันก็ไม่ง่ายเลยกับการที่ผู้เล่นแกนหลัก (รวมถึง ดิอาซ ด้วย) มีอาการบาดเจ็บ ขณะที่แผงมิดฟิลด์ก็ตัองได้รับการผ่าตัดครั้งใหญ่ และกองหน้าอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ยังคงอยู่ในช่วงตั้งหลักเพื่อพาตัวเองไปเป็นจุดโฟกัสของเกมรุก
สไตล์ของ กัคโป ก็แตกต่างจาก ดิอาซ ผู้ซึ่งเป็นคนที่ทะยานขึ้นหน้า เอาตัวรอดได้ และดึงแฟนบอลให้ลุกจากที่นั่งด้วยการบุกอย่างน่าตื่นเต้นทางกราบซ้าย แต่ กัคโป ไม่ได้มุทะลุขนาดนั้น เขามีความสุขกับการเล่นแบบผสมผสานมากกว่า และดูหลากหลายกว่าในตำแหน่งต่างๆ
เขามีความเป็นตัวจบสกอร์ที่มากกว่า และในระยะสั้นนั่นอาจเป็นประโยชน์ต่อ ลิเวอร์พูล อย่างมหาศาล
ยิ่งตอนนี้ หงส์แดง ต้องดิ้นรนอย่างมากเพื่อจะทำประตูแรกของเกม พวกเขาทำได้เพียงแค่ 11 นัดเท่านั้นในฤดูกาลนี้ และลงเอยด้วยชัยชนะทั้งหมด ซึ่งต่างจากตอนที่เสียประตูแรกไป 14 นัด ที่พลิกกลับมาเก็บผลการแข่งขันที่เป็นบวกได้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น
การมีผู้เล่นที่ทำได้ 34 ประตู จาก 2 ฤดูกาลหลังสุดในเอเรดิวิซี่ และทำอีก 3 ประตู จาก 5 เกมในฟุตบอลโลกกับทีมชาติฮอลแลนด์ น่าจะช่วยได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงทางเลือกอื่นๆ ของ คล็อปป์ ในตอนนี้คือ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่มีสถิติยิงประตูเยอะที่สุดต่อฤดูกาลต้องย้อนไปถึงวัย 17 ปีสมัยอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในลีก วัน, เคอร์ติส โจนส์ ที่ยิงได้ 3 ประตู จาก 50 นัดในลีก และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ซึ่งมีพรสวรรค์ที่ชัดเจนแต่ดูไม่เหมาะกับบทบาทด้านกว้างในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไป
อ๊าด เดอ มอส อดีตกุนซือ อาแจ็กซ์, พีเอสวี และ อันเดอร์เลชท์ กล่าวในสัปดาห์นี้ว่าเขาไม่เชื่อว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมสำหรับ กัคโป ในการย้ายมา ลิเวอร์พูล
"ทีมน่าผิดหวังเล็กน้อย สปิริตหายไปอย่างสิ้นเชิง และพวกเขากำลังพยายามกลับเข้าสู่เส้นทางเดิม มันไม่ใช่เวลาที่ดีสำหรับผู้เล่นอายุน้อยที่เข้ามา"
แต่ กัคโป ก็เห็นต่างออกไป เขากล่าวว่าเกมประเดิมของเขานั้นเลอะเทอะไปหน่อย แต่ด้วยวัย 23 ปี นี่คือการย้ายทีมที่เขาต้องการ มันเป็นสิ่งที่เขารอคอย มันขึ้นอยู่กับเขาเพื่อทำให้แน่ใจว่านี่คือการเลือกที่ดี
และในมุมของ ลิเวอร์พูล กระบวนการนั้นต้องเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนนี้เลย
ปีที่แล้ว ดิอาซ มอบทีมที่ยอดเยี่ยมเพื่อผลักดันไปสู่จุดสูงสุด ตอนนี้ หงส์แดง คงได้แต่หวังว่ากองหน้าคนใหม่จะสามารถกระตุ้นสิ่งเดียวกันเพื่อพาพวกเขากลับไปอยู่ในจุดที่เคยทำได้อีกครั้ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT