1978 : แชมป์สมัยแรกของฟ้า-ขาว
เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในประเทศอีกครั้งเมื่อกลุ่มทหารอาร์เจนตินา นำโดย วีเดล่า นายพลใหญ่ได้ขับไล่ อิซเบล่า เปรัน ประธานาธิบดี ออกนอกประเทศ หลังจากถูกกล่าวหาว่าป็นตัวการคอรัปชั่นโกงกินชาติ
ประเทศอาร์เจนตินาต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของพวกทหาร แถมปะชาชนชาวอาร์เจนไตน์ราว 5,000 คน ก็ต้องสูญเสียชีวิต มีคนติดคุกและถูกทรมานอีกมากมาย ด้วยเหตุนี้ฟีฟ่าและบรรดาประเทศในยุโรปต่างกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเหลือเวลาอีกแค่สองปีก็ถึงมหกรรมศึกเวิลด์ คัพ ที่อาร์เจนตินาแล้ว
"รองแชมป์เก่า" ฮอลแลนด์ค่อนข้างจะวิตกหนักกว่าเพื่อนอย่างชัดเจนเพราะออกมาประกาศลั่นว่าจะถอนตัวจากการแข่งขันแน่ถ้าฟีฟ่ายังขืนปล่อยให้ ศึกเวิลด์ คัพ ปี 1978 ระเบิดขึ้นในแดนฟ้า-ขาว
อย่างไรก็ดี ฟีฟ่า ยืนยันให้อาร์เจนตินารับหน้าเสื่อศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายครั้งนี้ตามแผนเดิมหลังจากรัฐบาลชุดใหม่ของอาร์เจนตินาออกมารับประกันด้วยตัวเองว่าทัวร์นาเมนต์ลูกหนังเบอร์หนึ่งโลก จะผ่านไปด้วยดีและไม่เกิดปัญหาหรือความรุนแรงอย่างแน่นอน
คำมั่นสัญญาจากรัฐบาลใหม่ของอาร์เจนตินาทำท่าว่าจะเป็นไปไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์เสียแล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นอีกระลอกเมือ นายพล โอมาร์ แอ๊คติส ประธานคณะกรรมการจัดศึกฟุตบอลโลกปี 1978 ของอาร์เจนตินา ถูกลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยม
นักเตะคู่ชิงชนะเลิศยืนเรียงแถวต่อหน้าผู้ชมในสนาม เอสตาดิโอ โมนูเมนทัล
ท้ายที่สุดแล้วปัญหาต่างๆ นานาในช่วงก่อนศึกเวิลด์ คัพ ก็ได้รับการแก้ไข ส่งผลใหศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ 11 บนดินแดน ฟ้า-ขาว ผ่านไปด้วยดีโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเลย
ในส่วนรูปแแบบการแข่งขันของศึกฟุตบอลโลกปี 1978 นั้น ก็ยังเหมือน 4 ปีก่อนที่เยอรมันทุกประการ มีชาติต่างๆ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันในรอบคัดเลือกมากกว่า 100 ทีม และในที่สุดก็ได้ 15 ทีมสุดท้าย และอาร์เจนตินา ชาติเจ้าภาพอีกหนึ่ง รวมทั้งหมด 16 ทีม ผ่านเข้ารอบสุดท้าย
ฮอลแลนด์ และ เยอรมันตะวันตก คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลลกหนก่อนเมื่อปี 1974 ยกทัพมาทำศึกเวิลด์ คัพ ที่อาร์เจนตินา ครั้งนี้โดยไม่มีสองกัปตันทีมที่เป็นหัวใจสำคัญของทีมอย่าง โยฮัน ครัฟฟ์ และฟร้านซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์ แต่ทั้งสองทีมก็ทำผลงานในรอบสุดท้ายได้ดีเช่นเดิม
อาร์เจนตินา เจ้าภาพได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากทีมชุดนี้ประกอบด้วยนักเตะหนุ่มที่เล่นเกมรุกได้อย่างดุดันและมีสีสัน ส่วนอิตาลีก็โชว์ฟอร์มได้ดีเกินคาดด้วยการปราบอาร์เจนตินา เจ้าภาพได้ในรอบแรก ในกลุ่มเดียวกับอิตาลีและอาร์เจนตินาก็ยังมีฝรั่งเศสของ มิเชล พลาตินี่ ในวัยเยาว์ แต่ขุนพลน้ำหอมก็ทำได้ดีที่สุดแค่รอบแรก
ขุนพลฟ้า-ขาวชุดแชมป์โลกสมัยแรก
เซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่สุดต้องยกให้เกมของกลุ่มบี ที่ตุรกีสร้างประวัติศาสตร์พลิกล็อกชนะ "จังโก้" เม็กซิโก ทีมลูกหนังแห่งคาบสมุทรแคริบเบียนไปอย่างขาดลอย 3-1 ทางด้าน ร็อบ เรนเซ่นบริงค์ ก็จารึกชื่อตัวเองในประวัติศาสตร์หลังซัดประตูที่ 1,000 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หลังกดจุดโทษในแมตชกับสกอตแลนด์
ขณะที่ทีมชาติเปรู ภายใต้การนำของ คูบิลัส ดาวซัลโวตัวเก่ง ก็ทำผลงานได้ดีเกินคาด โดยมีคะแนนแซงหน้า "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ รองแชมป์หนก่อน และซิวแชมปกลุ่มไปครอง
เกมการแข่งขันดำเนินมาสู่รอบที่สอง ชื่อของ มาริโอ แคมเปส ดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินา ก็ติดตรึงอยู่ในหัวใจของแฟนบอลทั่วโลก เมื่อเขาเหมายิงสองประตูให้อาร์เจนตินาสยบโปแลนด์อย่างเด็ดขาด 2-0 หลังจากนั้นก็ไปเสมอกับบราซิลอย่างดุเดือดแบไร้สกอร์ 0-0 ก่อนจะมากดอีก 2 ลูกให้ทีมถล่มเปรูกระจาย 6-0 พร้อมทะลุสู่รอบชิงชนะเลิศ
โดยในแมตช์รอบตัดเชือกกับเปรู อาร์เจนตินาเจ้าภาพจำเป็นต้องเอาชนะเปรูให้ได้เกิน 4 ประตูขึ้นไปสถานเดียว ไม่เช่นนั้นแล้ว บราซิลจะผ่านเข้าชิงแทน เนื่องจากมีผลต่างประตูได้-เสียดีกว่า ซึ่งสุดท้ายทัพฟ้า-ขาวทำได้ด้วยการไล่ถลุงเพื่อนร่วมทวีป 6-0 ท่ามกลางความสงสัยของแฟนบอลหลายคนว่าอาจมีการล้มบอล
สำหรับเกมการแข่งขันรอบที่สองของอีกกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มของทีมจากยุโรปล้วน ผลปรากฏว่าฮอลแลนด์ ถล่มเอาชนะออสเตรียไปหายห่วง 5-1 ขณะที่ เยอรมันตะวันตก แชมป์เก่าตกรอบหลังทำได้เพยงแค่เสมอกับ อิตาลี ไปแบบไร้สกอร์ 0-0 ทำให้ขุนพลมะกะโรนี มีผลต่างประตูได้-เสียดีกว่าเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม หลังจากนั้นอิตาลีก็ต้องมาลงเตะนัดชี้ชะตากับฮอลแลนด์ เพื่อหาทีมผู้ชนะไปหวดกับอาร์เจนตินา
มาริโอ แคมเปส หัวหอกตัวเก่งอาร์เจนตินาได้ทั้งแชมป์โลกและตำแหน่งดาวซัลโว
ในนัดชี้ชะตาการเข้ารอบ เออร์นี่ แบรนด์ส ของฮอลแลนด์สกัดพลาดเข้าประตูตัวเอง แต่ยังดีที่ตามมาแก้ตัวได้สำเร็จตีเสมอใหทีมเป็น 1-1 ในช่วงท้ายเกม อย่างไรก็ตาม อารี ฮาน ก็ซัดประตูที่สวยงามที่สุดลูกหนึ่งในประวัติศาสตร์บอลโลกด้วยการยงระยะกว่า 40 หลา บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปให้ฮอลแลนด์ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ก่อนร่วมกันยันเสมอเอาไว้จบเกม พร้อมกับทะลุเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
รอบชิงชนะเลิศระหว่างอาร์เจนตินาเจ้าภาพ กับ ฮอลแลนด์ รองแชมป์เก่า หวดกันอย่างสูสีคู่คี่ จนต้องไปเตะกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ และอาร์เจนตินาก็เอาชนะฮอลแลนด์ได้อย่าเด็ดขาด 3-1 โดย มาริโอ แคมเปส สวมบฮีโร่กด 2 ประตู และคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดไปครอง ส่วนฮอลแลนด์น้ำตาตกอีกครั้งเมื่อแพ้ในรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน
แฟกต์ไฟล์ฟุตบอลโลก
ชาติเจ้าภาพ : อาร์เจนตินา
สนาม : 6 สนาม
จำนวนทีม : 16 ทีม
จำนวนนัด : 38 นัด
วันแข่งขัน : 1 มิถุนายน - 25 มิถุนายน 2978
จำนวนประตู : 102 ประตู (2.68 ประตูต่อนัด)
ผู้ชมทั้งหมด : 1,545,791 คน (40,679 คนต่อนัด)
ทีมแชมป์ : อาร์เจนตินา
รองแชมป์ : ฮอลแลนด์
อันดับ 3 : บราซิล
อันดับ 4 : อิตาลี
รางวัลรองเท้าทองคำ : มาริโอ แคมเปส (อาร์เจนตินา) 6 ประตู
สรุปดาวซัลโว
6 ประตู : มาริโอ แคมเปส (อาร์เจนตินา)
5 ประตู : เตโอฟิลิโอ คูบิลลัส (เปรู), ร็อบ เรนเซ่นบริงค์ (ฮอลแลนด์)
4 ประตู : เลโอโปลโด้ ลูเก้ (อาร์เจนตินา), ฮันส์ ครานค์ (ออสเตรีย)
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT