ความหวังสุดท้าย
แม้ในทางทฤษฎี อาร์เซน่อลยังมีโอกาสจบท็อปโฟร์ แต่ในทางปฏิบัติต้องบอกว่า "เป็นไปได้ยาก"
ผลเสมอล่าสุดทำให้ปืนใหญ่ตามหลังสเปอร์ส 3 คะแนน และประตูได้-เสียก็เป็นรอง 8 ประตู
ต้อง "ปาฏิหาริย์" เท่านั้นที่อาร์เซน่อลจะแซงอริร่วมเมืองขึ้นไปจบที่ 4 ได้
เชลซีกลายเป็นทีมแรกในกลุ่มอันดับ 3-6 ที่ได้ตั๋วกลับไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้งหลังเอาชนะวัตฟอร์ดได้ตามเป้า 3-0 และได้ผลลัพท์เป็นใจจากเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
การหลุดท็อปโฟร์ (อย่างไม่เป็นทางการ) ของอาร์เซน่อลในฤดูกาลนี้โทษใครไม่ได้จริงๆ
ลูกทีมของ อูไน เอเมรี่ มีโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะขึ้นไปยึดอันดับ 3 เพราะคู่แข่งในก๊วนเดียวกันต่างสลับกันพลาด แต่ก็คว้าโอกาสของตัวเองไม่ได้
หลังผ่านไป 30 นัด สถานการณ์ของอาร์เซน่อลดูดีมากๆ ทั้งอันดับในลีกและโปรแกรมที่เหลืออีก 8 นัดที่ไม่ต้องเจอ ''บิ๊กซิกซ์'' ด้วยกัน
ครั้งแรกที่สะดุดในเกมพ่ายเอฟเวอร์ตัน 0-1 ที่กูดิสัน พาร์ค ยังไม่เสียหายเพราะนัดต่อมาบุกชนะวัตฟอร์ดได้ 1-0
แต่ที่ส่งผลเลวร้ายกว่าที่คาดคือ การแพ้คาบ้านต่อคริสตัล พาเลซ ในเกมที่ อูไน เอเมรี่ ประมาทคู่แข่งจนเปลี่ยนทีมถึง 7 ตำแหน่งจากนั้นก่อนหน้า
การปรับทีม ''มากไป'' ไม่ใช่เรื่องดีเพราะทำให้สมดุลในการเล่นดร็อปลง อีกทั้งตัวผู้เล่นสำรองก็ไม่มีคุณภาพมากพอที่จะทดแทนตัวจริงได้ไม่ว่าจะเป็น คาร์ล เจนกินสัน, คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส หรือแม้แต่ มัตเตโอ เก็นดูซี่ ที่ถือว่าได้เล่นบ่อยมากแต่ก็ยังขาดประสิทธิภาพ
นอกจากการเล่นที่ต่างจากชุดใหญ่เต็มสูบแล้ว อาร์เซน่อลยังเล่นผิดพลาดเองจนสุดท้ายเสียให้กับพาเลซถึง 3 ประตู และทวงคืนมาได้เพียง 2
สถิติดีงามชนะเกมลีกในบ้าน 10 นัดติดต่อกันและไม่แพ้เลยนับตั้งแต่นัดเปิดสนามมีอันต้องหยุดลงในที่สุด และจบลงอย่างน่าอับอาย
ความพ่ายแพ้คาบ้านอย่างพาเลซส่งผลต่อสภาพจิตใจนักเตะอาร์เซน่อลอย่างมาก และไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะแพ้อีก 2 นัดนอกบ้านต่อวูล์ฟแฮมป์ตันและเลสเตอร์ ซิตี้
ไม่ได้เจอบิ๊กซิกซ์ แต่ผลลัพธ์ออกมาแย่ยิ่งกว่าเจอเพราะแพ้ 3 นัดติดและเสียไป 9 ประตู สถานการณ์จึงกลับมาเสียเปรียบทั้งสเปอร์สและเชลซี
เกมกับไบรท์ตันเป็นโอกาสดีที่จะรักษาความหวังให้ได้ลุ้นจนถึงนัดสุดท้ายเพราะได้เล่นในบ้าน และเพิ่งอัดบาเลนเซียมา 3-1 ในถ้วยยุโรป แต่สุดท้ายก็ปล่อยโอกาสหลุดมืออีกครั้ง
เอเมรี่จัดชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จัดได้โดยปรับมาเล่นระบบแบ็กโฟร์เนื่องจาก โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ ขณะที่แบ็กขวาเลือกใช้ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ ลงแทน เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ที่แบนจากใบแดงในเกมกับเลสเตอร์
นั่งหมดอาลัยหลังจบเกม
ตรงกลางเติม เฮนริค มคิทาร์ยาน ลงไปช่วย เมซุต โอซิล ปั้นเกมอยู่ข้างหลังคู่กองหน้า ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ อเล็กซองด์ ลากาแซตต์
อาร์เซน่อลเริ่มต้นได้ดีมากกับการได้ประตูนำเร็วตั้งแต่ 9 นาทีแรกจากจุดโทษของโอบาเมย็อง
มันควรจะเป็นเกมที่ปืนใหญ่เดินหน้ายิงประตูเพิ่มได้ไม่ยากเพราะไบรท์ตันอยู่รอดปลอดภัยแล้วหลังคาร์ดิฟฟ์ตกชั้นไปในวันเสาร์ จึงไม่จำเป็นต้องมารับแบบสุดตัว
แต่การที่รอดตกชั้นแล้วกลับกลายเป็นว่าทำให้ไบรท์ตันเล่นแบบไร้ความกดดัน พวกเขารับแน่นแต่ก็หาจังหวะโต้กลับเล่นงานอาร์เซน่อลได้ตลอด
มันเป็นธรรมดาสำหรับทีมเกรดบอลเป็นรองและมาเยือนที่ต้องเล่นแบบนี้ รับแน่นเอาไว้ก่อน บุกได้ก็บุก บุกไม่ได้ก็ช่วยกันในแดนตัวเอง
เป็นอาร์เซน่อลเองที่ทิ้งโอกาสทำประตูหลายต่อหลายครั้ง และมาทำพลาดเสียจุดโทษแบบไม่น่าเสีย เมื่อ กรานิต ชาคา ทำฟาวล์ โซลลี่ มาร์ช แบบไม่จำเป็น
มีสถิติบันทึกไว้ว่า นับตั้งแต่ชาคาย้ายจากกลัดบัคมาเล่นในพรีเมียร์ลีก เขาทำเสียจุดโทษไปแล้ว 4 ครั้ง ไม่มีใครอีกแล้วที่ทำพลาดมากเท่านี้ในช่วงเวลาเดียวกัน
จากที่อาร์เซน่อลเริ่มกดดันตัวเองกับการยิงประตูหนีห่างไม่ได้ ความกดดันจึงถาโถมทวีคูณยิ่งกว่าเดิมหลังถูกตีเสมอ
ช่วงครึ่งชั่วโมงจึงเล่นกันอย่าง ''ลนลาน'' บางจังหวะก็ ''รีบ'' จน ''ลก'' ออกอาการอย่างเห็นได้ชัด และสุดท้ายก็ไม่สามารถทำประตูชนะได้
มีโอกาสบวกเพิ่มแต่ก็พลาดไปเอง
ตลอด 90 นาที อาร์เซน่อลได้ยิงถึง 20 ครั้งแต่ก็เข้ากรอบเพียง 8 ครั้ง และได้มาเพียงประตูเดียวจากจุดโทษ
ขณะที่ไบรท์ตันแพ้ให้กับทีมบิ๊กซิกซ์ทุกนัดที่ไปเยือนในฤดูกาลนี้ แต่นัดนี้ได้คะแนนแรกกลับออกไป
ส่วนผลเสมอสำหรับอาร์เซน่อลก็เหมือนแพ้ยังไงยังงั้นเพราะโอกาสติดท็อปโฟร์หลุดลอยไปด้วย
จาก 6 นัดหลังสุดที่มี 18 คะแนนให้เก็บ อาร์เซน่อลทำได้เพียง 4 คะแนน น้อยนิดจนน่าตกใจและไม่คู่ควรเลยกับการได้โควตาผ่านเส้นทางในลีก
อาร์เซน่อลจึงต้องไปเน้นกับความหวังสุดท้ายในยูโรปา ลีก ที่ผ่านนัดแรกของรอบตัดเชือกไปแล้วด้วยชัยชนะเหนือบาเลนเซีย 3-1
สกอร์ 3-1 อาจทำให้อุ่นใจได้ระดับหนึ่ง แต่นัดสองที่ต้องไปเยือนก็คงประมาทไม่ได้อยู่ดีเพราะเกมเยือนอาร์เซน่อลพร้อมจะพ่ายให้กับทุกทีม
อีก 90 นาที่เมสตาย่า และอีก 90 นาที (หากเข้าชิงได้) จะได้บทสรุปทุกอย่างในฤดูกาลนี้ของอาร์เซน่อล
อยู่ใน "ยูโรปา ลีก" อีกปี หรือเอาตัวรอดกลับไปเล่นใน "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก" ได้อีกครั้ง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT