เส้นทางโค้ชของ "เจอร์ราร์ด" ตอนที่ 1
เจอร์ราร์ด กลับมาทำงานให้กับสโมสรที่เขารักอีกครั้งหลังสิ้นสุดเส้นทางค้าแข้งกับ แอลเอ แกแล็กซี่ ในเมเจอร์ลีก สหรัฐฯ และเริ่มงานอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ตลอด 6 เดือนของการทำงานร่วมกับดาวรุ่งคือสิ่งที่ "สตีวี่จี" มองว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ของตัวเองสำหรับก้าวแรกบนเส้นทางโค้ช
หงส์น้อยในมือ "เจิด" รั้งจ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีกรุ่นยู-18 ในตอนนี้ รวมถึงผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า ยูธ ลีก และเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้าย เอฟเอ ยูธ คัพ ซึ่งต่างเป็นฟุตบอลถ้วยที่สร้างยอดนักเตะมากมาย
ทุกอย่างไปได้สวย แต่อย่างที่ เจอร์ราร์ด เน้นย้ำว่าเขายังต้องเรียนรู้อีกมากเหมือนช่วงเวลาครึ่งปีที่ทำได้ประสบการณ์มากมายบนเส้นทางใหม่ในอาชีพ
Question : สตีเว่น, คุณทำงานในตำแหน่งบอสทีมยู-18 ของลิเวอร์พูลมา 6 เดือนแล้ว คุณได้พบเจออะไรบ้าง?
Gerrard : น่าทึ่งเลย ผมสนุกกับบทบาทหน้าที่ สนุกกับการได้กลับมาสโมสร สิ่งแวดล้อมที่นี่ยอดเยี่ยมสำหรับการกลับมาและพยายามพัฒนาในฐานะโค้ช คุณภาพนักเตะที่ผมทำงานด้วยก็สุดยอด และมีคนที่ดีรายล้อม นับเป็นการเปลี่ยนผ่านที่สมบูรณ์แบบหลังการเลิกเล่นและก้าวเข้าสู่งานด้านโค้ช
Question : หลังแขวนสตั๊ดในเดือนพฤศจิกายน ปี 2016 คุณได้โอกาสคุมทีมในฟุตบอลลีกทันที คุณคิดว่าคุณตัดสินใจถูกต้องหรือไม่กับการเลือกเส้นทางนี้?
Gerrard : ผมคิดว่านี่เป็นเส้นทางที่สมเหตุสมผล ผมมีตัวเลือกอื่นในพรีเมียร์ลีก และแชมเปี้ยนชิพ รวมถึงข้อเสนอจากลีกอื่น พวกเขาต้องการดึงผมไป แต่งานที่นี่เหมาะสมที่สุด และเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่ผมรู้สึกในแง่จุดที่ผมต้องการเป็นในระยะยาว
Question : การลุยทำงานโค้ชต่อทันทีหลังเลิกเล่น ส่วนใดในงานที่ทำให้คุณแปลกใจ?
Gerrard : หลายสิ่งหลายอย่างเลยทีเดียว วันเวลาที่ต้องทุ่มลงไป เช่นในฐานะนักฟุตบอล ผมยังมีวันหยุดและได้ทำสิ่งอื่นที่ไม่ต้องมาคิดถึงเรื่องเกมในสนามซึ่งเป็นเรื่องยากมากในฐานะโค้ชที่จะทำแบบนั้นได้ นั่นคือข้อแตกต่างหลัก
เคียงข้าง นีล คริทช์ลีย์ ระหว่างคุมทีม ยู-19 ทำศึก ยูฟ่า ยูธ ลีก กับ เซบีย่า
เมื่อต้องทำหน้าที่ผู้จัดการทีมเยาวชน วันต่อมาหลังการแข่งขันก็ต้องมาคิดว่ามีอะไรที่ทำได้ดี อะไรที่ไม่เวิร์ก ใครที่ผมต้องทำงานด้วยในสัปดาห์นี้ ใครที่ต้องชม ใครที่ต้องพูดคุยกัน และใครที่เป็นเด็กดื้อในโรงเรียน?
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่มากกว่าที่เคยคิดเอาไว้เมื่อครั้งเป็นนักฟุตบอล ผมเคารพโค้ชและผู้จัดการทีมมากยิ่งขึ้นในตอนนี้ แม้ตอนที่เป็นนักเตะผมก็เคารพนับถือคนที่ทำงานด้วยกันอยู่แล้ว ผมไม่ได้ตระหนักถึงหลายสิ่งมากมายที่เกี่ยวข้องกับงานตรงนี้จนกระทั่งได้มาทำด้วยตัวเอง
Question : คุณได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับตัวคุณเพิ่มเติม?
Gerrard : ผมได้เรียนรู้อย่างมากเลย ผมตะโกนด่าในสิ่งที่ไม่ควรด่า ผมเอ่ยปากกับเจ้าหน้าที่ในสิ่งที่ไม่ควรเอ่ย ผมได้พูดกับลูกทีมในสิ่งที่ไม่ควรพูด
ผมทำผิดพลาด ทำให้พวกเขาหนักใจ ผมเพิ่งทำเรื่องที่ว่าในเกมกับวูล์ฟส์เมื่อไม่นานมานี้ แต่นั่นแหละที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ คุณจะไม่รู้เกี่ยวกับพวกเขาจนกว่าผมจะบอกคุณเนื่องด้วยงานที่ผมทำ นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจทำตรงนี้ ดังนั้นผมจึงมีโอกาสทำผิดพลาดและเรียนรู้สิ่งเหล่านี้โดยที่ไม่ต้องมาตัดสินกันผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์ในทุกครั้งหรือทุกสื่อโซเชียล เวลาจะบอกเราเองว่าผมพร้อมสำหรับสิ่งนี้หรือไม่
Question : ความผิดพลาดอะไรในเกมกับวูล์ฟส์?
Gerrard : ผมไม่สามารถบอกคุณได้ แต่ผมตัดสินใจบางอย่างในเกมที่เกือบทำให้เราพลาดคะแนนไป
Question : คุณเอาเรื่องอยู่นะตอนอยู่ในสนาม คุณถ่ายทอดสิ่งนี้ไปยังนักเตะอย่างไร?
Gerrard : ผมต้องเก็บอารมณ์ความรู้สึกในหลายครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกทีม ในบางครั้งก็ต้องแสร้งทำไปอีกอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้อารมรณ์ความรู้สึกหายไปนะ
ผมคิดว่านั่นเป็นเหตผลทำไมผมจึงกลายเป็นผู้นำในทีมในฐานะกัปตัน และผมก็คิดว่านั่นเป็นจุดแข็งของผมในฐานะโค้ชด้วย มันแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการจัดการนักเตะ 25 คนซึ่งมี 25 อีโก้ พวกเขาทุกคนต้องการเล่น พวกเขาต้องการเป็น คูตินโญ่, ฟีร์มีโน่, มาเน่, ซาลาห์ คนต่อไป
การจัดการ 25 นักเตะที่ไม่เหมือนกันเป็นงานที่แตกต่างจากการเป็นนักเตะเอง เมื่อคุณต้องการทำงานด้านโค้ช คุณจำเป็นต้องเข้าใจให้ได้โดยเร็ว
Question : พวกนักเตะมองคุณในแบบ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่เป็นนักฟุตบอล หรือ ผู้จัดการทีม?
Gerrard : ผมไม่รู้นะ ผมคิดว่าตอนแรกพวกเขามองผมในฐานะนักเตะ พวกเขาเงียบกันมาก เนียมอายเล็กน้อยในระหว่างปรีซีซั่น ดูเขินและไม่ค่อยพูด แต่คุณดูพวกเขาในเช้าวันนี้สิ คือปล่อยออกมากันเต็มที่เลย ผมคิดว่าพวกเขาเริ่มผ่อนคลายมากและเข้าใจเกี่ยวกับผมจริงจังในฐานะโค้ช
สิ่งแรกที่ผมคิดว่าต้องทำให้พวกเขาเห็นแนวทางคือ หลักการณ์ทำงานของผมถูกต้อง ผมต้องอยู่ที่นี่ในทุกวันและขลุกอยู่หลายชั่วโมง ผมต้องทำให้พวกเขาเห็นและเชื่อมั่นว่าผมให้เวลากับพวกเขา ผมพยายามพัฒนาพวกเขาทั้งแบบเป็นกลุ่มและรายตัว
Question : ทำไมคุณไม่เปิดคลิปสมัยเป็นนักเตะให้เด็กๆ ดูไปเลยล่ะ?
Gerrard : ผมคิดว่าพวกเขาคงเห็นกันมาแล้ว อย่าเข้าใจผมผิดนะ หากมีบางสิ่งชัดเจนเกิดขึ้นกับผม ไม่ว่าดีหรือแย่ และผมคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา ผมก็ไม่ปิดบังนะ แต่ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องถูกที่จะไปบอกว่า 'ดูที่ฉันเคยทำสิ' คือมันเป็นเรื่องของวันวาน สิ่งสำคัญคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในพรุ่งนี้มากกว่า
Question : แกรม ซูเนสส์ หัวเสียอย่างมากตอนคุมทีมแล้วนักเตะเล่นไม่ได้ในระดับที่เขาต้องการ คุณมีประสบการณ์ทำนองนี้มั้ย?
Gerrard : ผมยังไม่เก่งเท่า แกรม ซูเนสส์ ดังนั้นผมจึงไม่มีปัญหาอย่างว่า!
ผมเข้าใจว่านักเตะบางคนเมื่อจับงานโค้ชแล้วก็ต้องคาดหวังให้นักเตะทำได้ในแบบเดียวที่เขาทำ แต่เรื่องนี้คงไม่ถูกเสมอไป ทุกคนมีความแตกต่างกัน
ผมไปคาดหวังนักเตะในวัยนี้ให้ทำในแบบเดียวกับนักเตะพรีเมียร์ลีกหรือทีมชาติไม่ได้ ผมพยายามจะไม่เอาอาชีพค้าแข้งของตัวเองไปตัดสินนักเตะแบบนั้น
Question : อะไรคือที่สุดสำหรับคุณจนถึงตอนนี้?
Gerrard : เราพ่ายต่อ เลสเตอร์ 2-4 ในปรี-ซีซั่นนัดสุดท้ายที่นี่ เราประชุมกัน 45 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมงกับนักเตะเพื่อพูดคุยกับสิ่งที่เป็นอยู่ เราทุกคนเปิดใจและพูดว่า 'ดูเอา นี่คือที่เราเป็นตอนนี้ เราอยู่ระดับนี้ และผมต้องการทุกคนตรงนี้แล้วลุยไปด้วยกันให้ได้อย่างไร?
มันทำให้เราเป็นกลุ่มก้อนขึ้นมา ผมรู้สึกได้จริงๆ ว่าผมต้องการสิ่งนี้ และทีมก็ต้องการเช่นกันเพื่อยึดเหนี่ยวและลุยไปด้วยกันในการออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่
จังหวะเวลามันใช่เลย ผมคิดว่าหากไม่เกิดเรื่องนั้นคือ หมายถึงเป็นเราที่ชนะเลสเตอร์ เราคงไม่ได้อยู่ ณ จุดนี้ในตอนนี้ นักเตะคงคิดกันได้ว่านั่นคือหนึ่งในวันอันย่ำแย่ที่เราเจอร่วมกัน แต่สำหรับผมมันเป็นวันที่ดีที่สุด
Question : ทีมชุดยู-18 ของคุณเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-2 อดัม ลูอิส กัปตันทีมโดนไล่ออก และก็เสียประตูในช่วงท้ายเกม คุณรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร?
Gerrard : ผมยกย่องผลงานพวกเขาหลังจาก 20 นาทีแรก ผมต้องกระตุ้นพวกเขาในช่วงพักครึ่ง เกม 20 นาทีแรกยังไม่ดีพอ ลืมเรื่องการถูกไล่ออก และการเปลี่ยนตัวของผมไปก่อน ว่ากันที่ทัศนคติและหัวใจนักสู้ยังถือว่าไม่ใช่
เราลงสนามที่เต็มไปด้วยหิมะ พวกนักเตะก็ดูจะกังวลกับสภาพอากาศมากกว่ากระบวนการที่พวกเขาต้องการเพื่อลงไปชนะในเกม ผมเลยต้องจัดหนักพวกเขาในช่วงพักครึ่ง และได้การตอบรับที่ต้องการ
หลังจบเกมก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องชมพวกเขาเพราะการตกเป็นรอง 0-1 และมีผู้เล่นน้อยกว่าในเกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด ในสนามแย่ๆ แบบนี้ แต่ก็ยังกดใส่พวกเขาจนถึงนาทีที่ 94 ก็ดูเลยที่ ยูไนเต็ด ถึงกับต้องฉลองที่ตีเสมอได้ นั่นคือความพยายามที่มี นักเตะสมควรได้รับการยกย่อง
(โปรดติดตามตอนที่่ 2 ในวันศุกร์นี้)
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT