ก้าวใหม่ของ แจ็ค วิลเชียร์
วิลเชียร์ ตัดสินใจอำลาอาชีพค้าแข้งหลังแยกทางกับ อาร์ฮุส ทีมในลีกเดนมาร์กที่ได้ลงสนามรวม 14 นัดตลอดช่วงเวลาเกือบห้าเดือน
อาร์เซน่อล จึงดึงกลับมาช่วยงานอีกรอบในตำแหน่งเฮดโค้ชของทีมชุดยู-18 ที่จะทำงานร่วมกับ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ผู้จัดการทีมอะคาเดมี่ที่เคยเป็นอดีตเพื่อนร่วมทีมกันมาก่อน
การหวนคืนรังปืนใหญ่อีกครั้งของ วิลเชียร์ เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดเดาได้อยู่แล้วเพราะเจ้าตัวเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรโดยเฉพาะกับการเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่เติบโตขึ้นมาจากทีมเยาวชน
หากถามว่าใครคือผลผลิตจากทีมเยาวชนที่มีพรสวรรค์มากสุดของ อาร์เซน่อล หนึ่งในคำตอบต้องมีชื่อ แจ็ค วิลเชียร์ อย่างแน่นอน
วิลเชียร์ เข้าร่วมทีมปืนใหญ่ตอนปี 2001 ขณะอายุเพียง 9 ขวบ ก่อนฉายแววจนได้รับการจับตามองมาตั้งแต่เด็กๆ และก้าวขึ้นเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2008 ที่ทำสถิติแข้งอายุน้อยสุดลงเล่นเกมลีกให้สโมสรด้วยวัย 16 ปี 256 วัน
จากพรสวรรค์อันล้นเหลือและฝีเท้าเก่งกาจเกินอายุ แจ็ค วิลเชียร์ กลายเป็นความหวังใหม่ของทั้ง อาร์เซน่อล และทีมชาติอังกฤษ
ทว่าด้วยอาการบาดเจ็บรบกวนต่อเนื่องทำให้ วิลเชียร์ ไม่สามารถลงสนามได้อย่างสม่ำเสมอ และไม่ได้เค้นเอาศักยภาพที่มีอยู่ออกมาใช้อย่างเต็มที่ ท้ายที่สุดเขาถูกปล่อยตัวออกจาก อาร์เซน่อล หลังสัญญาหมดในปี 2018
วิลเชียร์ เซ็นสัญญากับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีปัญหาเดิมๆ เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บได้ เขาได้ลงสนามรวมกันเพียง 19 นัดตลอดสามฤดูกาลกับขุนค้อน
หลังออกจาก เวสต์แฮม วิลเชียร์ เป็นฟรีเอเยนต์อยู่หลายเดือนจึงได้เซ็นสัญญาระยะสั้นกับ บอร์นมัธ จากนั้นไร้สังกัดอีกพักใหญ่ก่อนเป็น อาร์ฮุส หยิบยื่นโอกาสให้และเป็นโอกาสสุดท้ายในอาชีพค้าแข้ง
เมื่อประเมินสภาพร่างกายของตัวเองที่ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ อีกทั้งมีข้อเสนอจาก อาร์เซน่อล ที่เขาพร้อมถวายหัวโดยไม่ลังเล แจ็ค วิลเชียร์ จึงตอบรับบทบาทใหม่ในสายงานโค้ชทันที
"ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับบทบาทตรงนี้ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าผมรักสโมสรแห่งนี้ รักในสิ่งที่เรายืนหยัด และชีวิตส่วนใหญ่ของผมคลุกคลีกับอะคาเดมี่สโมสรซึ่งบางช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผมก็อยู่ที่นี่"
"หัวใจของผมยังอยู่ที่ อาร์เซน่อล เมื่อผมนึกถึงครอบครัว ครอบครัวก็รออยู่เสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม้ว่าคุณจากไป แต่ประตูยังคงเปิดกว้าง และผมรู้สึกแบบนั้นเสมอในเวลากลับมาที่นี่"
"นี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม และผมก็พร้อมแล้ว ผมกระหายและแทบรอไม่ไหวที่จะช่วยพัฒนาเยาวชนให้เติบโต ได้ปลุกปั้นพวกเขาให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดทั้งในและนอกสนาม"
"มันเป็นความรู้สึกที่สุดพิเศษที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อาร์เซน่อล ที่นี่ไม่เคยทอดทิ้งผม หัวใจผมยังอยู่ที่นี่เสมอแม้ผมจะก้าวเดินออกไปหลายปี ผมรอจะเริ่มงานใหม่ไม่ไหวแล้ว กับการช่วยผู้เล่นอายุน้อยเหล่านี้ให้ประสบความสำเร็จด้วยทีมอันยอดเยี่ยมรอบๆ ตัวผม"
ได้ทำงานร่วมกับ แมร์เตซัคเกอร์ และ อาร์เตต้า อีกครั้ง
ในช่วงที่อยู่ในทีมเยาวชน คนที่ดูแล วิลเชียร์ และดาวรุ่งทุกคนของสโมสรคือ สตีฟ โบลด์ ก่อนที่ปัจจุบันจะเป็น แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ รับหน้าที่
"โค้ชของผมในตอนนั้นคือ สตีฟ โบลด์ และการได้เดินตามนรอยผู้คนเหล่านี้คือเกียรติอันใหญ่หลวง มันเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับผม"
ฤดูกาลที่แล้วก่อนได้เซ็นสัญญากับ อาร์ฮุส วิลเชียร์ กลับมาร่วมซ้อมกับ อาร์เซน่อล อยู่หลายเดือน พร้อมกับมีบทบาทเป็นเหมือนเป็นโค้ชกึ่งพี่เลี้ยงที่คอยให้คำแนะนำกับน้องๆ ในทีมเยาวชน
การชิมลางงานโค้ชในตอนนั้นเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีให้ วิลเชียร์ ได้เริ่มคิดถึงบทบาทใหม่แม้ในวันที่ยังไม่ได้คิดเรื่องแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ
"ประสบการณ์เหล่านั้นทำให้ผมกระหายที่จะเดินหน้าต่อและคิดถึงเรื่องอนาคต ผมคิดถึงเรื่องงานโค้ชอยู่เสมอ แต่เมื่อกลับมาที่นี่เมื่อปีที่แล้ว และได้ปฏิบัติจริงเป็นเวลาหกเดือน ได้เรียนรู้มากขึ้นก็ยิ่งทำให้ผมสนใจมากยิ่งกว่าเดิม"
นอกจาก แมร์เตซัคเกอร์ แล้ว มิเกล อาร์เตต้า อดีตเพื่อนร่วมทีมของ วิลเชียร์ ก็เป็นศิษย์เก่า อาร์เซน่อล อีกคนที่กลับมาทำงานให้สโมสรในตำแหน่งสุดสำคัญกับการเป็นผู้จัดการทีม
เมื่อรวมกับ เอดู ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคเข้าไปด้วยก็เท่ากับว่าตอนนี้อดีตผู้เล่นได้กลับมาทำงานช่วยสโมสรพร้อมกัน 4 ราย และแต่ละคนก็ถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นของบทบาทใหม่ที่ประสบการณ์ไม่มากนักโดยเฉพาะ วิลเชียร์
"ผมคิดว่าสิ่งแรกและสิ่งสำคัญสุดคือผมจำเป็นต้องโฟกัสกับตัวเองที่นี่ เรียนรู้การเป็นโค้ช แต่ผมคิดว่าเมื่อคุณมีความทะเยอทะยานและความกระหาย มันจะช่วยให้คุณเรียนรู้ได้เร็วขึ้นและท้ายที่สุดได้ช่วยเหลือเด็กๆ ในทีม"
เส้นทางงานโค้ชของ แจ็ค วิลเชียร์ เริ่มต้นขึ้นแล้ว ไม่มีใครฟันธงได้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่กับบทบาทใหม่ในด้านนี้
มันอาจจะออกมาดีเหมือนช่วงแรกที่เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล หรือจบแบบน่าผิดหวังเหมือนช่วงท้ายอาชีพ
แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนปืนใหญ่อุ่นใจคือการได้คนที่มี "ดีเอ็นเอ" ความเป็น อาร์เซน่อล เต็มเปี่ยมกลับมาทำงานให้สโมสรอีกครั้ง
"เมื่อคุณทำในสิ่งที่รักและลุ่มหลง คุณจะทำมันได้ดีขึ้น" วิลเชียร์ เชื่ออย่างนั้น
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT