:::     :::

หนึ่งทศวรรษฝันร้ายที่แอนฟิลด์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
หนึ่งในสนามยากสุดสำหรับ อาร์เซน่อล ที่พบเจอฝันร้ายตลอดหลายปีหลังคือ "แอนฟิลด์" ของ ลิเวอร์พูล

อาร์เซน่อล แทบไม่เคยได้ผลการแข่งขันที่ดีกลับออกมาจากรังหงส์แดงในช่วงหลัง โดยชัยชนะล่าสุดที่ทำได้ต้องย้อนไปในฤดูกาล 2021/13 นู้นเลย 

จากนั้นเป็นต้นมาอีก 9 ฤดูกาล ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายชนะถึง 7 นัด และเสมอ 2 นัด ไม่แพ้เลย แถมยิงประตูรวมกัน 32 ประตู หรือเฉลี่ยเกือบนัดละ 3 ประตู

สถิติเกือบหนึ่งทศวรรษหลังสุด "หงส์แดง" ผูกปีขย่มเหมือนบอลคนละชั้น หลายนัดเก็บชัยชนะได้สบายราวปลอกกล้วยเข้าปาก ต่อให้ "ปืนใหญ่" พยายามเต็มที่แค่ไหนก็ไม่เคยเอาตัวรอดได้เลย

และครั้งนี้...วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน อาร์เซน่อล มีโอกาสดีสุดที่จะปลดแอกที่แอนฟิลด์เมื่อไปเยือนด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีกว่าในฐานะจ่าฝูงที่มีคะแนนนำหน้า ลิเวอร์พูล มากถึง 29 คะแนน

ถึงเวลาลบฝันร้าย หรือสถิติเก่าๆ ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป วันนี้เราจะย้อนกลับไปดูผลงานที่ไม่น่าจดจำของปืนใหญ่ที่แอนฟิลด์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมากันอีกครั้ง 

2013/14 : ลิเวอร์พูล 5 - 1 อาร์เซน่อล  

ก่อนลงสนามนัดนี้ อาร์เซน่อล ทำผลงานได้ดีมากเป็นจ่าฝูงของลีกจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทว่ากลับโดน ลิเวอร์พูล รัว 4 ประตูรวดใน 20 นาทีแรก  

มาร์ติน สเคอร์เทล ทำสองประตู บวกด้วย ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ เกมแทบจบในทันทีเพราะปืนใหญ่ไม่สามารถฮึดกลับมาได้อีกเลย 

เป็นเกมสุดช็อกสำหรับ อาร์เซน่อล ที่อาการเป๋ต่อเนื่องเก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดใน 8 นัดถัดมาก่อนหมดลุ้นแชมป์อย่างน่าเสียดาย 



2014/15 : ลิเวอร์พูล 2 - 2 อาร์เซน่อล  

เจอกันช่วงก่อนบ็อกซิ่งเดย์ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำจาก ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ แต่ มาติเยอ เดบูชี่ ตามตีเสมอให้ อาร์เซน่อล ก่อนพักเบรก 

โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ซัดให้ปืนใหญ่พลิกนำและน่าจะเป็นประตูชัย ทว่าช่วงทดเจ็บนาทีที่ 7 มาร์ติน สเคอร์เทล ทำแสบอีกครั้งโขกลูกเตะมุมของ อดัม ลัลลาน่า ให้หงส์ตามตีเสมอหวุดหวิด

อาร์เซน่อล จบอันดับ 3 อีกฤดูกาล แต่ป้องกันแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ ส่วน ลิเวอร์พูล จบที่ 6 



2015/16 : ลิเวอร์พูล 3 - 3 อาร์เซน่อล 

ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลแรกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เตะตัดขา อาร์เซน่อล ไม่ให้นำจ่าฝูงเดี่ยวๆ หลังตามตีเสมอนาทีสุดท้ายในเกมสุดมันส์ที่ผลัดกันนำผลัดกันตามก่อนแบ่งแต้มอย่างสมศักดิ์ศรี

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ กดสองประตูให้เจ้าถิ่นนำ 2-0 แต่ อาร์เซน่อล รัวคืนสามประตูแซงนำจาก อาร่อน แรมซีย์ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่ยิงสองประตู ทว่านาทีสุดท้าย โจ อัลเลน ก็มาซัดให้เดอะ ค็อป ได้เฮเต็มเหนี่ยวในแอนฟิลด์

ปืนใหญ่จึงได้เพียงคะแนนเดียวในเกมนี้ ขณะที่ เลสเตอร์ เบียดชนะ สเปอร์ส ทำให้ทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากันหลังผ่าน 21 นัดแรก และสุดท้ายเป็นทัพจิ้งจอกที่ผงาดคว้าแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ 



2016/17 : ลิเวอร์พูล 3 - 1 อาร์เซน่อล  

ลิเวอร์พูล เล่นได้ดีกว่าและสมควรเป็นผู้ชนะในการเจอกันช่วงเดือนมีนาคมที่ต่างฝ่ายต่างกำลังลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์ 

อาร์แซน เวนเกอร์ เสี่ยงดร็อป อเล็กซิส ซานเชซ ตัวรุกดาวซัลโวของทีมเป็นสำรอง และกว่าจะส่งมาครึ่งหลังก็โดน ลิเวอร์พูล นำไปก่อนสองประตูจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

อเล็กซิส ลงมาทำแอสซิสต์จ่ายให้ แดนนี่ เวลเบ็ค ตีไข่แตกปลุกความหวัง แต่ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ก็มาซัดปิดท้ายให้หงส์แดงเก็บ 3 คะแนนที่ทำให้ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 ส่วนปืนใหญ่หล่นที่ 5 

แม้เร่งเครื่องช่วงท้ายชนะ 7 จาก 8 นัด แต่ อาร์เซน่อล ก็จบเพียงอันดับ 5 รองจาก ลิเวอร์พูล แต้มเดียว และเป็นการหลุดท็อปโฟร์ครั้งแรกในยุคของ เวนเกอร์ อีกด้วย 


2017/18 : ลิเวอร์พูล 4 - 0 อาร์เซน่อล  

เจอกันเร็วตั้งแต่นัดที่ 3 ของฤดูกาล แต่ผลลัพธ์กลายเป็นฝันร้ายสำหรับ อาร์เซน่อล ที่แพ้ยับทั้งสกอร์และรูปเกม

หงส์แดงโขยกเกมรุกเข้าใส่อย่างเมามันส์ในเกมที่สามประสาน โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยิงได้หมด รวมถึงตัวสำรอง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงมากดปิดท้าย

เป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่ย่ำแย่แพ้ 2 จาก 3 นัดแรก พร้อมกับเสียไปถึง 8 ประตู และตอนจบฤดูกาล อาร์แซน เวนเกอร์ ก็วางมือกับทีมหลังคุมมายาวนานเกือบ 22 ปี



2018/19 : ลิเวอร์พูล 5 - 1 อาร์เซน่อล 

ในฤดูกาลที่ ลิเวอร์พูล ร้อนแรงสุดๆ ชนะ 16 เสมอ 3 จาก 19 นัดแรก อาร์เซน่อล ในยุคเริ่มต้นใหม่กับ อูไน เอเมรี่ จึงไม่ใช่คู่แข่งที่สามารถต่อกรได้และแพ้ยับอีกครั้ง

อาร์เซน่อล ทำเซอร์ไพรส์นำก่อนจาก เอนส์ลีย์ เมทแลนด์-ไนลส์ ในนาที 11 แต่ ลิเวอร์พูล ก็ติดเครื่องยิงรวดเดียวแซงนำ 4-1 ก่อนจบครึ่งแรก

โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ มาบวกอีกลูกในครึ่งหลังกลายเป็นแฮตทริกที่ตอกย้ำความยอดเยี่ยมของหงส์แดงในฤดูกาลดังกล่าวซึ่งหากไม่ใช่ แมนฯ ซิตี้ ที่สุดยอดไม่แพ้กัน ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็คงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว (แพ้คะแนนเดียว)

ส่วนปืนใหญ่อันดับดีขึ้นเล็กน้อยกลับมาจบที่ 5 แต่ก็เป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกันที่หลุดท็อปโฟร์ 



2019/20 : ลิเวอร์พูล 3 - 1 อาร์เซน่อล 

อาร์เซน่อล เริ่มต้นฤดูกาลด้วยการชนะ 2 นัดรวด ทว่ามาเยือนแอนฟิลด์ก็ได้บทสรุปเหมือนเดิมมือเปล่ากลับออกไปอีกครั้ง 

เป็นอีกครั้งที่ ลิเวอร์พูล โชว์คุณภาพเกมรุกที่ดุดัน แข็งแกร่ง และหาโอกาสลุ้นยิงได้มากถึง 25 ครั้ง ก่อนได้ 3 ประตูจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เบิ้ลสองลูก และอีกลูกจาก โฌแอล มาติป

นิโกล่าส์ เปเป้ ที่เพิ่งย้ายมาด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 72 ล้านปอนด์ มีโอกาสงามๆ ยิงให้ปืนใหญ่นำก่อนช่วงต้นเกม แต่ซัดไม่ผ่าน อาเดรียน ก่อนที่หงส์แดงจะเป็นฝ่ายคอนโทรลเกมคว้าสามคะแนนเอาไว้ได้


2020/21 : ลิเวอร์พูล 3 - 1 อาร์เซน่อล  

เจอกันนัดที่ 3 ของฤดูกาลอีกครั้ง และกลายเป็นการฉายหนังซ้ำที่ ลิเวอร์พูล ชนะสกอร์เดิมแม้ อาร์เซน่อล เปลี่ยนกุนซือมาเป็น มิเกล อาร์เตต้า แล้วก็ตาม

อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ยิงให้ทีมเยือนนำก่อน แต่ ซาดิโอ มาเน่ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ก็ช่วยกันกดคนละประตูให้หงส์แดงแซงไม่ยาก 

ท้ายเกม ดิโอโก้ โชต้า ที่เพิ่งย้ายมาจาก วูล์ฟส์ ฉลองการเล่นเกมลีกนัดแรกให้สีเสื้อลิเวอร์พูลด้วยการยิงปิดท้ายให้ทีมชนะไป 3-1

ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล หล่นไปจบที่ 8 ของตาราง ไม่ได้โควตาถ้วยยุโรปใดๆ เป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี 



2021/22 : ลิเวอร์พูล 4 - 0 อาร์เซน่อล  

  อาร์เซน่อล ไม่แพ้ใคร 10 นัดติดในทุกรายการ แต่สถิติดีงามก็ถูกหยุดลงที่แอนฟิลด์เมื่อ ลิเวอร์พูล จัดการดับซ่าในสกอร์ขาดลอย 4-0

ซาดิโอ มาเน่ ซัดประตูแรก จากนั้น นูโน่ ตาวาเรส แจกของขวัญให้ ดิโอโก้ โชต้า บวกลูกสอง ตามด้วย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ทาคูมิ มินามิโนะ พา ลิเวอร์พูล ฉลองชัยชนะชื่นมื่นสะท้อนรูปเกมที่ครองบอลเหนือกว่าและหาโอกาสยิง 19 ต่อ 5 ครั้ง

ลิเวอร์พูล ยืนระยะลุ้นแชมป์กับ แมนฯ ซิตี้ อีกฤดูกาลก่อนแพ้ฉิวเฉียดคะแนนเดียว ส่วน อาร์เซน่อล หลุดช่วงท้ายจบเพียงอันดับ 5 พลาดตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด