สาเหตุสำคัญที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กลายเป็นตัวเลือกแรกของ เชลซี เพราะการติดโทษแบนห้ามเสริมทัพสองช่วงตลาดซื้อขายของฤดูกาล 2019-20
เชลซี กำลังจะเริ่มต้นฤดูกาลอันยากลำบาก กับการต้องเปลี่ยนแปลงหัวหน้าโค้ชจาก เมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ยกเลิกสัญญา ปล่อยตัวไปให้ ยูเวนตุส และการขาย เอแดน อาซาร์ จอมทัพคนสำคัญไปให้ เรอัล มาดริด ตามสัญญาลูกผู้ชายที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ปีก่อน
และอย่างที่ทราบกันดี ปัญหาใหญ่ที่สุดคือการโดนโทษแบนจากฟีฟ่า ห้ามเสริมทัพสองช่วงตลาดซื้อขาย ซัมเมอร์ปี 2019 และวินเทอร์ปี 2020
สิงโตน้ำเงิน ต้องพิจารณาตัวเลือกกุนซือใหม่อย่างรอบคอบ เพราะประเด็นสำคัญคือการบังคับใช้นักเตะชุดเดิมจากฤดูกาลที่แล้ว บวกกับแข้งใหม่ที่เซ็นล่วงหน้าเมื่อกลางซีซั่นก่อนคนเดียว คริสเตียน พูลิซิช
คริสเตียน พูลิซิช
นั่นจึงเป็นโอกาสสำคัญของบรรดาดาวรุ่งหลายต่อหลายคนที่จะได้พิสูจน์ตัวเองตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น และสโมสรก็เชื่อว่า แลมพาร์ด คือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะพัฒนาฝีเท้าดาวเตะเยาวชนที่มีอยู่ในมือ
นอกจาก แลมพาร์ด แล้ว อีกเหตุผลที่สำคัญคือการดึงมือขวาที่ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ อย่าง โจดี้ มอร์ริส อดีตกองกลาง เชลซี (ที่ไม่โด่งดังสมัยเป็นนักเตะสักเท่าไหร่) กลับมาทำงานในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง
มอร์ริส ถูก แลมพาร์ด ดึงตัวไปร่วมงานในถิ่น ไพรด์ พาร์ค สเตเดี้ยม พร้อมกันเมื่อปีที่แล้ว หลังจากก่อนหน้านั้นมีประสบการณ์โค้ชในทีมยู-21 เชลซี ซีซั่น 2013-14 ก่อนขยับมาเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมยู-18 และก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าโค้ชอย่างเต็มตัวในฤดูกาล 2016-17
โจดี้ มอร์ริส มือขวา แลมพาร์ด ที่ ดาร์บี้
บอร์ดบริหารของสโมสร ที่นำโดย มารีน่า กรานอฟสคาย่า ผู้อำนวยการหญิงในฐานะตัวแทนของ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของสโมสรชาวรัสเซีย เชื่อว่าคงไม่มีประโยชน์ที่จะทุ่มงบประมาณทาบทามเทรนเนอร์ดังๆ มาคุมทีมในซีซั่น 2019-20 หากไม่สามารถเสริมทัพได้อย่างที่ต้องการ
ดังนั้นการดึง แลมพาร์ด มาคุมทีมในฤดูกาลนี้น่าจะมีประโยชน์มากกว่า และจะเป็นผลดีสำหรับดาวรุ่งหลายคน โดยเฉพาะพวกที่ถูกปล่อยยืมมาหลายฤดูกาลแล้ว
ซีซั่นที่แล้ว แลมพาร์ด มีส่วนสำคัญในการปลุกปั้น เมสัน เมาท์ กองกลางวัย 20 ปี จนถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก (แต่ยังไม่ได้ประเดิมสนาม) และ ฟิคาโย่ โทโมรี่ เซนเตอร์แบ็กที่กลายเป็นตัวหลัก และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ดาร์บี้
เมสัน เมาท์
ซึ่งทั้งสองคนเป็นหนึ่งในนักเตะหลายๆ คนร่วมกับ แทมมี่ อาบราฮัม ศูนย์หน้าดาวรุ่งที่ปล่อยให้ แอสตัน วิลล่า ยืมใช้งานซีซั่นก่อน ที่จะกลับไปต่อสู้เพื่อเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมชุดใหญ่ของ เชลซี ในฤดูกาล 2019-20
ดาวรุ่งอีกคนที่อยู่กับทีมซีซั่นที่แล้ว และเป็นประเด็นมากที่สุดของ เชลซี คือ คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย ที่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนักจาก ซาร์รี่ ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก
แต่สถานการณ์ค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีเมื่อมีกระแสกดดันอย่างหนักจนปีกวัย 18 ปียึดตัวจริงต่อเนื่องในช่วงท้ายฤดูกาล ก่อนบาดเจ็บอย่างหนักในเดือนเมษายน
คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย
เชลซี ปฏิเสธข้อเสนอจาก บาเยิร์น มิวนิค อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม มาจนถึงสัปดาห์ก่อนที่มีข่าวว่า แชมป์บุนเดสลีกา ยื่นข้อเสนอเข้ามาที่ 22.5 ล้านปอนด์
ดังนั้นนอกจาก แลมพาร์ด ต้องให้โอกาสและเค้นศักยภาพออกมาจาก ฮัดสัน-โอดอย แล้ว ยังต้องโน้มน้าวใจให้เพชรเม็ดงามของทีมชาติอังกฤษต่อสัญญาฉบับใหม่ แทนที่สัญญาปัจจุบันที่เหลือปีสุดท้าย
นั่นคือสี่รายที่เชื่อว่าจะมีโอกาสมากที่สุดในยุคของ แลมพาร์ด แต่ก็ยังมีดาวรุ่งอีกหลายรายที่อนาคตไม่แน่นอน อาทิ เทรโวห์ ชาโลบาห์, ชาร์ลี มูซอนดา, ดานิโล่ พานทิช, เจค คล้าร์ก-ซัลเตอร์
หรือตัวสำรองที่ต้องตัดสินใจว่าจะปล่อยยืมต่อ หรือขายทิ้ง อย่าง มิชี่ บาตชูอายี่, ตีเอมูเอ้ บากาโยโก้, คูร์ต ซูม่า, มาริโอ พาซาลิช, ลูกัส ปิอาซอน, เคเนดี้, แม็ตต์ เมียซก้า, มาร์โก ฟาน กิงเคล เป็นต้น
แม้เวลานี้ แลมพาร์ด ได้รับอนุญาติจาก ดาร์บี้ ให้ไปตกลงสัญญากับ เชลซี ได้แล้ว แต่การเจรจายังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
และหากทุกอย่างลงเอยทันการเก็บตัวฝึกซ้อมปรีซีซั่นวันแรกที่ ค็อบแฮม คือวันจันทร์ที่ 1 ก.ค. นี้ แลมพาร์ด ก็จะเริ่มต้นงานใหม่ด้วยการดูฝีเท้าของบรรดาดาวรุ่งหลายต่อหลายคน
สองเกมอุ่นเครื่องแรกในไอร์แลนด์ เจอกับ โบฮีเมียนส์ และ เซนต์ แพทริคส์ วันที่ 10 และ 13 ก.ค. จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของดาวรุ่งและตัวเลือกสำรอง ซึ่ง แลมพาร์ด ต้องตัดสินใจว่าจะเรียกใครเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดใหญ่บ้าง ก่อนที่นักเตะชุดใหญ่จะทะยอยกลับมารายงานตัวฝึกซ้อม