สิ่งที่ได้เรียนรู้จากฤดูกาลนี้
ในฐานะตำนานของสโมสร ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง เพราะการได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามสมัยเป็นนักเตะ ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่าจะได้รับการยอมรับจากเหล่าสาวกสิงห์บลูห์
พูดง่ายๆว่าหากผลงานแย่ก็อาจจะโดนถล่มยับได้ ชื่อเสียงที่สั่งสมมานับสิบปีในฐานะนักเตะอาจจะพังทลายลงภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น
และยิ่งการประเดิมสนามเกมแรกของฤดูกาลด้วยการบุกไปโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มยับเยิน 0-4 ยิ่งทำให้แฟนบอลขมวดคิ้วสงสัยไปกันใหญ่
ก่อนจะค่อยๆประคองตัวขึ้นมาอยู่ในหัวแถวของตาราง แม้จะๆไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไรแต่ปีแรกกับการจบในท็อปโฟร์ซึ่งคือเป้าหมายที่ทีมพลาดไม่ได้ ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว
แถมยังมีโบนัสเป็นรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพที่จะเจอกับ อาร์เซน่อล ในวันที่ 1 สิงหาคมด้วย
แต่อย่างที่รู้กันว่าซีซั่นนี้ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูจะยังไม่เข้าที่เข้าทางสำหรับทีมสีน้ำเงินแห่งกรุงลอนดอนในปีนี้ ซึ่งยังต้องปรับปรุงกันอยู่
ลองดูว่ามีอะไรบ้างที่เห็นจากตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา
แลมพาร์ด กับการเปิดตัวฐานะนายใหญ่สิงห์
แฟร้งค์ แลมพาร์ด เผชิญบททอดสอบที่ยากยิ่งตั้งแต่เกมเปิดสนามด้วยการบุกไปเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าผลการแข่งขันจบลงด้วยความพ่ายแพ้เละเทะ 0-4 ของพลพรรคสีน้ำเงิน
ไม่ช้าไม่นาน แฟนบอลก็ได้รับรู้ว่ากุนซือวัย 42 ปีจะต้องเค้นความสามารถที่มีทุกหยดหยาดเพื่อบริหารจัดการ "สิงห์บลูส์" ให้บรรลุเป้าหมายที่ทีมวางเอาไว้ตั้งแต่ต้นคือเข้าไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกเป็นอย่างน้อย
แลมพาร์ด ค่อยๆใส่ปรัชญาการทำทีมของตัวเองให้กับนักเตะ ปรับให้เข้ากับแผนการเล่น ปลูกฝังแนวทางการเล่นแบบครองบอล
นอกจากนี้อีหกสิ่งที่สำคัญคือเรื่องของการให้โอกาสเด็กจากอคาเดมี่และบรรดาดาวรุ่งทั้งหลายอย่าง ฟิคาโย่ โทโมรี่, เมสัน เมาท์ และ รีซ เจมส์ รวมถึง แทมมี่ อบราฮัม ที่ยิงประตูช่วยทีมจนกระทั่งยืนอยู่ในจุดนี้
มองจากปัจจุบันนี้ถือว่าทีมบรรลุเป้าหมายให้โอกาสเด็กซึ่งแต่ละคนถือว่าสอบผ่าน และมีนจะเป็นรากฐานในระยะยาวให้ทีมประสบความสำเร็จในอนาคต
คริสเตียน พูลิซิช กับอนาคตที่สดใส
การจากไปของ เอแด็น อาซาร์ ทิ้งช่องโหว่มหาศาลเอาไว้ ซึ่งคนที่ต้องเข้ามาแบกรับแทนนั้นก็คือคนหน้าใหม่อย่าง คริสเตียน พูลิซิช นั่งเอง
แต่กว่าที่จะก้าวขึ้นมาทำผลงานได้ดีจนกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมนั้นต้องบอกว่าสตาร์ทีมชาติสหรัฐ อเมริกาผ่านวิบากกรรมในช่วงแรกไม่น้อย
การย้ายจากเยอรมันมาเล่นในอังกฤษไม่ใช่งานง่ายอยู่แล้ว แถมต้องแบกทั้งในเรื่องของค่าตัวและการถูกคาดหวังที่จะเป็นตัวแทนของ อาซาร์ อีกด้วย
เท่านั้นยังไม่พอเจ้าตัวยังเจออาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนักจนหายจากสนามไปตั้งแต่เดือนมกราคมจนกระทั่งโควิด-19 ระบาดและการแข่งระงับไปทำให้ได้หายกลับมาช่วยทีมเต็มที่
และการกลับมาลงสนามนี่เอง พูลิซิช โชว์ผลงานอย่างยอดเยี่ยม ตลอด 9 เกมสุดท้าย มีแค่ 2 นัดเท่านั้นที่ไม่มีส่วนร่วมกับประตูของทีม โดยทำไป 4 ลูกกับ 4 แอสซิสต์
น่าจะมองเห็นแววว่านี่จะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยทีมให้ประสบความสำเร็จได้
เกปา อาร์รีซาบาลาก้า กับปัญหาเรื่องความต่อเนื่อง
ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ เชลซี เลยกับตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ดูเหมือนจะดี แต่ในขณะเดียวกันก็ถือว่ามีความกังวลอยู่ในนั้น
เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ย้ายมาค้าแข้งในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ตั้งแต่ปี 2018 ด้วยค่าตัวสถิติโลกของผู้รักษาประตู แต่ดูเหมือนมันจะมีแรงกดดันอะไรบางอย่างอยู่
ตั้งแต่สมัยกับ เมาริซิโอ ซาร์รี่ เรื่อยมาจนถึง แฟร้งค์ แลมพาร์ด นายทวารชาวสเปนดูจะมีช็อตที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้เป็นเจ้านาย จนหลายครั้งต้องหันไปพึ่ง วิลลี่ กาบาเยโร่
นั่นเป็นที่มาของการที่ เชลซี ตกเป็นข่าวกับผู้รักษาประตูหลายต่อหลายคน ยิ่งสร้างความไม่แน่นอนให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะเกมสุดท้ายที่มีความสำคัญอย่างมาก แลมพาร์ด กลับหันไปใช้บริหารของ กาบาเยโร่
ถึงตอนนี้ยังไม่แน่นอนเลยว่าเกมเอฟเอ คัพรอบชิงชนะเลิศกับ อาร์เซน่อล จะใช้ใครเฝ้าเสา
แต่ถ้ามองแบบโลกสวย คิดซะว่านี่คือช่วงสองปีแกรแห่งการปรับตัว ในอนาคตอาจจะก้าวขึ้นมาเป็นยอดนายทวารโลกเหมือนเมื่อครั้ง ดาบิด เด เคอา ทำสมัยกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้
เชลซี ต้องซื้อเซนเตอร์ระดับโลก
เป็นอีกจุดที่มองเห็นไม่ยากเลยสำหรับแฟนบอลของ เชลซี ที่ต่างชี้ว่าเกมรับของทีมคือสิ่งที่น่าเป็นห่วงในฤดูกาลนี้
ตลอด 38 เกมในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2019/20 ทีมโดนคู่แข่งเจาะตาข่ายสูงถึง 54 ลูก โดยรักษาคลีนชีตได้แค่ 9 เกมเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นในบ้าน 8 นัด อีกเกมเกิดขึ้นนอกบ้าน
จำนวนประตูที่เสียในซีซั่นนี้ถือเป็นสถิติสูงนับตั้งแต่ฤดูกาล 1996/97 ที่ทีมเสีย 55 ลูก หรือเมื่อ 23 ปีมาแล้วเลย
คนที่ดูจะไว้ใจได้อย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ เจออาการบาดเจ็บเล่นงานมาตลอดทั้งซีซั่น ทีมต้องดัน ฟิคาโย่ โทโมรี่ รวมถึง คูร์ท ซูม่า และยังมี อันเดรียส คริสเตนเซ่น เมื่อเทียบกับหลายทีมนำต้องบอกว่าดูอ่อนชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าในช่วงซัมเมอร์นี้คงได้เห็นทีมเสริมเกมรับแน่นอน แต่คนที่จะดึงเข้ามานั้นต้องมีระดับที่จะช่วยยกทีมให้แกร่งขึ้นด้วย ไม่อย่างนั้นสุดท้ายก็เหมือนเดิม ซึ่งคงทำให้ทีมไม่ต้องไปหวังลุ้นแชมป์อะไรกับเขาหรอก
เชลซี ทีมที่น่าจับตามองในฤดูกาลหน้า
การคว้าท็อปโฟร์ของตารางคะแนนมาครอง กับการเปลี่ยนโค้ชใหม่, ปรัชญาใหม่, ดันเด็กดาวรุ่งขึ้นสู่ทีม ต้องบอกว่านี่คือสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว
การปรับเปลี่ยนมากขนาดนี้และสุดท้ายยังยืนหยัดและบรรลุเป้าหมายของทีมได้สำเร็จสร้างแรงใจให้ทีมอย่างมหาศาล
แม้จะเสียสองแข้งเก๋าอย่าง วิลเลี่ยน และ เปโดร โรดรีเกซ ดูจะไม่ได้ส่งผลกระทบมากนักเมื่อรายหลังก็เป็นสำรองอยู่แล้ว ส่วนรายแรกช่วงหลังก็แผ่วลงไปเยอะ
คริสเตียน พูลิซิช ดูมีแวว ไหนจะนักเตะหน้าใหม่ที่ได้มาแล้วอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค และ ทิโม แวร์เนอร์ ต้องบอกว่าน่าสนใจเลย อาจจะนับรวม ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ใครต่อใครต่างยืนยันว่าไม่รอดการย้ายมาถ้ำสิงห์แน่
ยังมีอีกหลายคนที่จะย้ายเข้ามาแน่นอนในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งจะทำให้ทีมแกร่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และคงจะทำให้พวกเขาเป็นทีมที่น่าจับตามองไม่แพ้เหมือนกัน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT